นักวิชาการ “หน้าจอ” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..?

เปลว สีเงิน

“นายพิธา” นายกฯ “รัฐบาลโลกทิพย์” นี่
เหมือนเด็กจู้จี้
เมื่อวาน เห็นเขาประชุม “ครม.ทิพย์” กัน ที่พรรคเพื่อไทย อุ๊งอิ๊งอุตส่าห์เอาชาหรือกาแฟส้มนี่แหละ มาเสิร์ฟ
ไม่กิน……
รบเร้าจะกินแต่ “ไอติมแท่ง” ของนายกฯประยุทธ์!?
ไม่ได้ดั่งใจ ก็ฟ้องนักข่าว….

“ธรรมเนียมปฏิบัติของผมกับพลเอกประยุทธ์ คงจะต่างกัน ถ้าเป็นใน ๘ พรรคจัดตั้งร่วมรัฐบาล
เมื่อมีผลการเลือกตั้งออกมา
ก็มีการโทรพูดคุยกัน แสดงความยินดีของผลการเลือกตั้งกับผม ที่ได้เป็นอันดับ ๑

ขณะเดียวกัน ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีและการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมแพ้การเลือกตั้ง
ผมก็ต้องโทรไปหาผู้ชนะและก็ยอมแพ้
เพื่อที่จะให้การเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลไร้รอยต่อให้มากที่สุด”

โถ…โถ..นายกฯ โลกทิพย์
ไม่ต้องงอแงไปหรอก รอตอนส่งมอบงาน “นายกฯ โลกจริง” ท่านก็คงจะแสดงความยินดีเองแหละน่า

ว่าแต่ตะเองเถอะ
แน่นะ…ว่าเสื้อ “ชุดเข้าเฝ้า” ที่ไปตัดไว้ จะได้ใส่?

และอีกอย่าง ที่บอก
“ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีและการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมแพ้การเลือกตั้ง ผมก็ต้องโทรไปหาผู้ชนะและก็ยอมแพ้” นั่นน่ะ
ฝัน “ข้ามชอต” มากไปมั้ง?

เอาให้รอดจากรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคุณสมบัติผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ตาม มาตรา ๙๘(๓)
และพรบ.เลือกตั้ง ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑ ให้ได้ซะก่อนเหอะ

ซึ่งนอกจากโทษคุกแล้ว ยังจะถูกตัดสิทธิเลือกตั้งอีกตั้ง ๒๐ ปีแน่ะ
ผ่านด่านนี้ให้ได้ก่อน แล้วค่อยเพ้อถึงลงเลือกตั้งสมัยหน้า เอางี้นะ พ่อพระเอกส้มสีรุ้ง!

ยิ่งเห็นให้สัมภาษณ์แต่ละวัน ก็ยิ่งให้น่าเอ็นดูกับ “โลกสวย” ของหนูน้อยพิน็อกคิโอคนนี้
เพื่อไทยเป็น “พี่เลี้ยงเด็ก” ได้เก่งนะ จะว่าไป

ตามใจทุกอย่าง พิธาอยากเป็น “นายกฯ ทิพย์” ก็ให้เป็น อยากประชุม “ครม.ทิพย์” ก็จัดให้
สมกับที่จบการประมงว่าด้วยศาสตร์ “น้ำร้อนปลาเป็น-น้ำเย็นปลาตาย” ซะจริงๆ!

นี่ “พิธา-ก้าวไกล” ไม่ได้เป็นรัฐบาล เกิดสงคราม “ไทย-สหรัฐฯ” มั้ยเนี่ย?
ยิ่งปิยบุตรออกมาขู่ “ลุกเป็นไฟจากเหนือจรดใต้” ด้วยแล้ว น่ากลั้ว-น่ากลัว

เอะอะก็ “นิติสงคราม” มันลามเป็น “นิติสังคัง” จนคะเยอกันทั้งประเทศแล้ว!

ช่วงนี้ วันๆ ผมมีความสุขมาก
กับการเปิดโทรทัศน์ดูรายการแต่ละช่อง ตั้งแต่ ไทยพีบีเอส เนชั่น พีพีทีวี ที่เขาเชิญนักวิชาการ ส่วนมากเป็น “ขาประจำ” มาสำแดงภูมิ

ทำให้ได้เห็น “สันดานแท้” นักวิชาการแต่ละคน ว่าการให้ความเห็นเรื่องหุ้นพิธานั้น
นักวิชาการคนนั้นๆ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพและต่อสังคมที่หวังพึ่งความรู้-ความเข้าใจต่อเรื่องนั้นๆ จากพวกเขา

ว่าตามกรอบกฎกติกากฎหมายบ้านเมือง มันเป็นอย่างไร?
แต่นี่ พวกขาประจำหน้าจอ มักจะใช้วิชาชีพไปสัตย์ซื่อ
ต่อพวกอสัตย์ชาติซะมากกว่า

โดยใช้คราบวิชาการปิดคลุมร่าง “ปีศาจคาบคัมภีร์” ให้ความเห็นในลักษณะ
“พวกกู” ที่ทำ ต้องไม่ผิด
กฎหมาย “ตะหากที่” เขียนผิด”!

ถ้าไม่ใช่พวกกู ถึงไม่ผิด กูก็พูดให้คล้อยตามได้ว่ามันผิด ถึงตัวมันไม่ผิด พ่อมันก็ผิด ทำนองนั้น

เมื่อวาน ผมดูช่องหนึ่ง เขาเชิญนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ “ขาประจำ” คนหนึ่ง กับอาจารย์ด้านนิติศาสตร์คนหนึ่ง มาให้ความเห็น เรื่องพิธาถือหุ้นสื่อ นี่แหละ

“ขาประจำ” ก็ตะแบงรัฐศาสตร์โวหาร เรียกว่าแถ “ลากคันไถ” ไปจนทุเรศ

พออาจารย์นิติศาสตร์ยกข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยกกฎกติกาตามพรบ.เลือกตั้งมาชี้ให้เห็นว่า กรณีพิธาเข้าองค์ประกอบตรงไหนบ้าง

เจ้าขาประจำ “สิ้นทางแถ” ก็ลากคันไถจมปลักไปเลยว่า เพราะ “กติกามันบิดเบี้ยว”!
รองศาสตราจารย์ดอกเตอร์ท่านนี้ซีถึงจะ…สุดยอด

“พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

เมื่อวาน ท่านโพสต์เฟซ เรื่องพิธาถือหุ้น iTV นี่แหละ ท่านบอกว่า
“ถ้าตีความแบบทื่อๆ ตามตัวอักษร” พิธาก็ไม่รอด

“แต่ถ้าตีความโดยใช้ “ปัญญาเชิงปฏิบัติ” เชื่อมโยงกับความจริงและเจตนารมณ์กฎหมาย ดังศาลฎีกาท่านใช้ในคดีที่คล้ายกัน” พิธาก็รอด

โอ….เฉียบมาก’จาน
เข้าประทับทรง “อริสโตเติล” มาในภาค “ปัญญาเชิงปฎิบัติ” โพสต์เลยทีเดียว ช่างล้ำลึกและล้ำเลิศ ที่ต้องขอคารวะ

เท่าที่ติดตาม แม้ในกรณีเดียวกัน ความคิด-ความเห็นทางวิชการท่านนี้ ดูต่างกับตอนขึ้น “เวทีพันธมิตร” จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ

แต่อย่างอาจารย์ “สมชัย ศรีสุทธิยากร “อดีต กกต.ถึงจะเอี้ยวๆ บ้าง
แต่ไม่ทิ้งหลักกฎหมายและกฎกติกาเป็นแกนให้ยึดในการแสดงความคิดเห็นเลย

กรณี iTV สมชัยให้ความเห็นว่า…..
“นายพิธาไม่น่าขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ เนื่องจากกระบวนการลงมติเลือกยังไม่เกิดขึ้น

แต่ก็อาจมีการตีความจากฝ่ายตรงข้าม ว่าต้องนับคุณสมบัติ ตั้งแต่วันเสนอชื่อ ๔ เม.ย.๖๖

ทั้งนี้ การขายหุ้นหลังจากสมัคร ส.ส. จึงไม่น่าจะเกิดประโยชน์ในรูปคดี เพราะผิดก็ยังคงผิด หากไม่ผิด ก็คือไม่ผิด
แต่การขาย ทำให้คล้ายว่า เรายอมรับว่า “น่าจะผิด” เลยขายทิ้งก่อนเลือกนายกฯ”

ความเห็นแบบนี้ จะผิด-จะถูก ไม่มีใครว่า เพราะเป็นความเห็น “อิงกรอบกฎหมาย” ไม่ใช่ตะแบงไปด้วยโมหาคติหรือฉันทาคติ

อีกท่าน ซึ่งไม่ใช่ “ขาประจำ” หน้าจอ นานๆ ครั้งถึงจะปรากฎคือคุณ “สดศรี สัตยธรรม” อดีตกกต.เช่นกัน
ท่านให้ความเห็นว่า……

“ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๓)ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของหุ้นสื่อ
ถ้าผู้นั้นจะสมัครรับเลือกตั้ง ถ้ามีหุ้นสื่อจะสมัครไม่ได้ การที่นายพิธาจะรับหุ้นดังกล่าวมาจากมรดก หรือมาจากการซื้อเอง

แต่เมื่อถึงเวลาที่จะไปสมัครรับเลือกตั้ง ต้องปลอดจากหุ้นดังกล่าวนี้ก่อน
เรื่องการถือหุ้นนี้ จะนับจากวันที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในวันสมัครรับเลือกตั้ง …….

หากมีกรณีนี้เกิดขึ้น กกต.ไม่สามารถล้วงลึกไปได้
เพราะว่า เป็นเรื่องที่ผู้ร้องเรียนไปหาหลักฐานมาร้อง กกต.ต้องรับเรื่องขึ้นมาพิจารณา ว่าผิดหรือขัดมาตรา ๙๘(๓)ไหม?

เป็นเรื่องน่าเสียดาย ถ้าหากท่านยังถือหุ้นอยู่และเป็นหุ้นสื่อด้วย
หากกกต.รับลูกว่า มีหุ้นสื่อจริง ก็ต้องเรียกฝ่ายถูกกล่าวหามาให้การ และต้องไต่สวนทั้งสองฝ่าย

ส่วนการโอนหุ้นตอนนี้ จะมองว่าเป็นการเลี่ยงหรือไม่? อดีตกกต.หญิงท่านว่า….

“ถ้าสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แล้วมาโอนให้กับใครก็ตามทีหลัง เขานับหนึ่ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง

ถ้าในวันสมัครรับเลือกตั้ง “ขาดคุณสมบัติ” ในกรณีนี้ จะมาโอนหุ้นทีหลัง มันก็ไม่พ้น

แต่หากมองว่าเป็นเทคนิคในการสู้คดี ทุกท่าน “มีสิทธิอ้างได้” ขึ้นอยู่กับกกต.หรือศาลจะตีความ

แต่ถ้ามาตราไหนชัดเจนอยู่แล้ว “ห้ามไม่ให้มีหุ้น” ถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของหุ้นสื่อในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
การตีความกฎหมายต้อง “ตีความอย่างเคร่งครัด”
คือ “ว่ากันตรงๆ ไปเลย”

ส่วน “ผู้ถูกร้อง” จะสู้อย่างไร ก็เป็นอีกเรื่อง
มีอาจารย์กฎหมายอยู่คน คืออาจารย์ “นายคมสัน โพธิ์คง” ก่อนๆ ออกจอบ่อย ระยะหลังหายหน้าไป

แต่ละครั้งที่ให้ความเห็น ท่านจะพูดแบบเอื้อเฟื้อต่อกฎหมายและกฎติกาสังคม สมเป็นครูบาอาจารย์ที่ยึดถือได้
อย่างปี ๖๒-๖๓ เรื่องธนาธรปล่อยเงินกู้พรรคอนาคตใหม่

ปิยบุตร สำแดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญทันที ว่า
“พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้าม สามารถทำได้ เช่นการกู้ยืมเงิน”

ส่วนอาจารย์คมสัน ท่านบอกว่า…….
“พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมาย “พรรคการเมือง” จึงเป็นนิติบุคคลตาม “กฎหมายมหาชน”

หลัก “กฎหมายเอกชน”……..
อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้าม เอกชนสามารถทำได้

แต่หลัก “กฎหมายมหาชน”
ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ ถึงจะทำได้

“พรรคการเมืองจึงไม่สามารถกู้เงินได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้”

เรื่องนี้จบโดย ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย “ยุบพรรค”
ระหว่าง “ปิยบุตรกับคมสัน”
ไหน “มาตรฐานกฎหมาย” เชื่อถือได้มากกว่ากัน?

เปลว สีเงิน

๘ มิถุนายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ช่วยกันมองประเทศสักครั้ง
“เรือเหล็กลุงตู่” ออกจากท่า “เดินหน้า” เต็มสูบกันได้ซะที ต่อจากนี้ บ้านเมืองไปโลด! กับฝ่ายค้าน ไม่ต้องไปกลัวเขา แต่ต้องให้เกียรติเขา ในฐานะหุ้นส่วน “บริษัทรัฐสภา จำกัด”...
Read More
0 replies on “นักวิชาการ “หน้าจอ” – เปลว สีเงิน”