ทำไม “เพื่อไทย” คึกจัด? – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…?

เปลว สีเงิน

“ชลน่าน” นี่ ต้องให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
เพราะลีลาหลิวพริ้วลมได้สวยงามจริงๆ!
หลังประชุุม ๘ พรรคเมื่อวาน (๓๐ พค.) ชลน่านเคียงพิธา หลั่งมธุรสวาจาเป็นสัตย์ต่อหน้าสื่อและคณะพรรคสักขีพยานมากมายว่า
“ผมในฐานะตัวแทนพรรคเพื่อไทย….
เราได้รับมอบอาณัติจากประชาชนรวมกัน ๒๕ ล้านเสียง เพราะฉะนั้น เจตจำนงของประชาชนเช่นนี้

เพื่อไทยและก้าวไกลปฏิเสธไม่ได้ จะทำความฝันของประชาชนให้บรรลุ
คือ “รัฐบาลจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตย” ที่ต้องการปิดกั้นอำนาจไม่ชอบธรรมทั้งหลาย

เราสองฝ่ายเห็นตรงกัน เป็นการมัดที่แน่น เป็นข้อผูกมัดที่เราคำนึงถึงเป็นอย่างมาก
ให้ความมั่นใจ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอด”

พูดจบ ชลน่านถามสื่อ “หวานมั้ย..หวานมั้ย”?

พร้อมหันไปโอบกอดไหล่ซึ่งกันและกันโชว์ ก่อน ๒ หัวหน้าพรรคแดง-พรรคส้มจะเอามือประสานทำรูปหัวใจ

ดูภาพข่าว…….
ชลน่าน “พรรครอง” ร่าเริง-สดใสมาก ซึ่งก็น่าจะทำให้พิธา “พรรคหลัก” สบายใจ ว่าเพื่อไทยจริงใจ ไม่หักหลังแน่

แต่ท่าที-สีหน้าพิธา กลับตรงกันข้าม
ประกายกังวลหม่นเศร้าแม้ซ่อนลึก ก็มิวายฉายออกแววตาและรอยยิ้มเค้น!

ชลน่าน-พรรคอันดับ ๒ แทนจะเศร้า กลับเริงร่า ฮาเฮ
ขณะเดียวกัน พิธา-พรรคอันดับ ๑ แทนจะเริงร่า กลับซ่อนเศร้าในเงากังวล!?

มันดูแปร่งๆ ในบรรยากาศ “สมานมิตร เกิดกำแพง” ยังไงพิกล ในสายตาผมนะ

ยิ่งพิศแต่ละคำชลน่านแถลง ชวนให้ข้องจิตในประโยคที่ว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอด” นั้น
เป็นคำมั่นใต้ “พันธสัญญา” พรรคเพื่อไทย หรืออะไรกันแน่?

เพราะฟังแต่ต้น ชลน่าน ขึ้นต้นว่า…”ผมในฐานะตัวแทนเพื่อไทย….”

แต่ประโยคต่อไป ชลน่านกลับบอก
“เราได้รับมอบอาณัติจากประชาชนรวมกัน ๒๕ ล้านเสียง เพราะฉะนั้น เจตจำนงของประชาชนเช่นนี้
เพื่อไทยและก้าวไกลปฏิเสธไม่ได้ จะทำความฝันของประชาชนให้บรรลุ”

หมายความว่า คำพูดที่ว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอด” นั้น
ไม่ใช่คำมั่นสัญญาภายใต้ “อาณัติพรรคเพื่อไทย” ใช่มั้ย?

หากแต่เป็นลีลาชลน่านอ้างอิงคนที่เลือกเพื่อไทย-ก้าวไกล รวมกัน ๒๕ ล้านเสียง ว่า “เป็นอาณัติ” ที่ได้รับมอบ!

พูดชัดๆ คือ คำแถลงของชลน่าน เมื่อวาน
เป็น “อาณัติประชาชน ๒๕ ล้านเสียง”

ไม่ใช่ “มติพรรคเพื่อไทย” ที่มอบชลน่าน มาให้พันธสัญญากับอีก ๗ พรรคว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะอยู่ด้วยกันตลอด”!!!

ฉะนั้น ทั้ง ๗ พรรค ทั้งคนเลือก-ไม่เลือกเพื่อไทย-ก้าวไกล ต้องเข้าใจด้วย ว่าไม่ใช่แค่สัตว์หรือคนที่ดิ้นได้
“ภาษา” ก็ดิ้นได้ด้วย!

อีกอย่างไม่ควรลืม เหนือกระดาษยังมีซาละเปา เหนือยอดเขา ยังมียอดหญ้า ฉันใด

เหนือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีหัวหน้าครอบครัวใหญ่เหนือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยขึ้นไปอีกชั้น ฉันนั้น!

พิธา-ก้าวไกล หัดเรียนภาษาการเมืองไว้บ้างนะ เผื่อ “อกหัก” จากตำแหน่งนายกฯ คนที่ ๓๐ เพื่อไทยหยิบชิ้นปลามันไปกิน
จะได้ไม่ร้อง “โอ้ยยย…ถูกแทงข้างหลังทะลุหัวใจ” ไงล่ะ

เพราะ ภาษาคำพูดนั้น “ดิ้นได้” ก็จริง
แต่ “ภาษากฎหมาย” มันดิ้นยาก…พิธาเอ้ย!

เพื่อไทย ผ่านทางชลน่าน เขาจึงพร้อม “น้อมสนอง” ก้าวไกลในทุกเรื่อง-ทุกนโยบาย ไม่ขัดใจใดๆ เลยไงล่ะ

เพราะเขาแก่วัด-แก่พรรษา จนฉันมาม่าในกาน้ำชามื้อเย็นโดยไม่เจตนาได้นั่นหละ

เขาถึงมองขาดว่า ยังไงๆ พิธาก็ต้องตายโคม ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะหุ้น iTV ๔๒,๐๐๐ หุ้นแน่ ๆ

เขาจึงเล่นบท “สุภาพบุรุษหน้ากากแดง” ไม่ต้องแย่ง ไม่ต้องชิงให้เสียกริยา ตามน้ำไปเนิบๆ

ลงท้าย ทั้งเก้าอี้นายกฯ ทั้งเป็นพรรคแกนจัดตั้งรัฐบาล ลอยมาให้เพื่อไทย “ชุบมือเปิบ” เองสบายๆ

ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง แถมตำแหน่ง “สุภาพบุรุษหน้ากากแดง” แห่งปี ๒๕๖๖ ไปครอง!

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ทิ้งกัน” ชลน่านไม่ผิดคำพูดหรอก ผมเชื่อ ถ้าจะผิด ก็ก้าวไกลนั่นแหละ

เพราะถ้าผิดซุกหุ้น………
ก้าวไกลพร้อมอยู่ในฐานะผู้ตามหรือไม่ ในขณะที่เพื่อไทย พลิกขึ้นไปเป็น “ผู้นำ” แทน นั้นแหละคือประเด็น

ที่ผมว่า ภาษากฎหมาย “พลิกยาก” นั่นน่ะ ในกรณี iTV มันชัดเจนในการจดทะเบียนแล้ว โดยระบุเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์

ถึง iTV เลิกไป แต่บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ไม่ได้จดแจ้งเลิกบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้งยังมีการดำเนินธุรกิจและมีรายได้ประจำอยู่

เมื่อไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๓) เขาบอกว่า………

บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน

(๓) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

การถือหุ้น iTV ของพิธา มันก็เต็มพระบาทเลย!

พิธา “ขาดคุณสมบัติ” สมัครเป็นสส.ตาม มาตรา ๙๘(๓)ชนิดไม่รูดิ้น ทั้งภาษาพูดและภาษากฎหมาย

ถ้าเคร่งครัดเอากันจริงๆ ทุกสส.ก้าวไกล ก็ขาดคุณสมบัติ ต้องเลือกตั้งกันใหม่ด้วยซ้ำ

เพราะคนเซ็นรับรองผู้สมัคร “ขาดคุณสมบัติ” ก็เท่ากับใบสมัครนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยปริยายอยู่ในตัว!

ที่โมเมไปอ้างเคส “นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ที่ถือหุ้นแอดวานซ์ ๒๐๐ หุ้น และศาลฎีกาคืนสิทธิลงสมัครสส.ให้นั้น

มันตรรกะต่างฐานกัน เอามาอ้างเทียบเคียงกันไม่ได้

ประเด็นแรก ผอ.เลือกตั้งเขต ไม่รับสมัครนายชาญชัย หมายความว่า นายชาญชัยยังไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งยังไม่ได้เป็นสส.เขาจึงไปฟ้องศาลอาญา

ทีนี้ มาดูว่าบริษัทแอดวานซ์เขาทำธุรกิจอะไร

เขาจดทะเบียนประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของไทย คือบริการคลื่นมือถือ
ไม่ใช่หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ!

แต่แอดวานซ์มีบริษัทลูกไปทำสมุดหน้าเหลือง ทำสื่อออนไลน์ต่างๆ แตกแขนงออกไป ก็เลยต้องถือว่าแอดวานซ์อยู่ในความหมาย “สื่อมวลชนใดๆ” ด้วย

แต่ศาลบอก ถือครอง ๒๐๐ หุ้น สัดส่วนน้อย ไม่มีอำนาจสั่งการ เผยแพร่ข้อมูล จึงคืนสิทธิลงสมัครรับเลืกตั้งให้ชาญชัย

นั่นเป็นคำวินิจฉัยศาลฎีกา

แต่คดีหุ้น iTV ๔๒,๐๐๐ หุ้น ของพิธา เป็นหุ้นสื่อมวลชนใดๆ โดยตรง

เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ได้เป็นสส.แล้ว
จึงต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การถือหุ้นสื่อ iTV ของพิธา ทำให้ขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๓)หรือไม่?

ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย ฉะนั้น เราต้องฟังศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก

แต่ดูอาการเบื้องต้นแล้ว ส่งโรงพยาบาลไหน หมอก็ส่ายหน้า บอกให้กลับไปดูใจกันที่บ้านทั้งนั้น!

ฉะนั้น……….
ไม่ต้องไปสนใจเรื่อง “ดีลลับ-ดีลรัก-ดีลตินติน” อะไรที่ไหนทั้งนั้น ฟันธงได้เลย

ก้าวไกลน่ะ ได้แต่งแน่ ถ้ายอมเป็น “อนุ” ของเพื่อไทย

ถ้าจะเป็น “เอก” เอง ทั้งพรรคแกน ทั้งตำแหน่งนายกฯ

ก็จะ “เอก” เหมือน “เอก” ปี ๒๕๖๒ เปี๊ยบ!

เปลว สีเงิน
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
“กรุงเทพเมืองฟ้าอมร”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน การ “พาดหัวข่าว” นี่ “พลาด” นิดเดียว ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่, ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องได้ ชนิด “เปลี่ยนโลก” ถึงขั้นนั้น
Read More
0 replies on “ทำไม “เพื่อไทย” คึกจัด? – เปลว สีเงิน”