17 มีนาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวเนื่องในโอกาสวัน อสม. 20 มีนาคมของทุกปี ว่า
ในอดีต อสม. ถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขไทย แม้จะมีวัน อสม. แต่คุณค่า และความสำคัญกลับไม่ค่อยได้รับการพูดถึง
แต่เมื่อมีเหตุการณ์ระบาดของโควิด 19 มันชัดเจนแล้วว่า อสม.ไม่ใช่แค่ฟันเฟืองในระบบ แต่นี่คือฟันเฟืองที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้เราสามารถจัดการสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ทั่วโลกยอมรับ
งานของ อสม. คือการเข้าไปถึงพื้นที่ เพื่อบอกว่า ประชาชนต้องทำอย่างไร ประชาชนจะช่วยกันได้อย่างไร เข้าไปคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ไปให้คำแนะนำกับผู้ที่ติดเชื้อ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ตอนมีวัคซีนเข้ามา อสม.ต้องเข้าไปให้ความรู้ สร้างความมั่นใจกับประชาชน มันนอกเหนืองานประจำ เท่ากับ อสม.เหนื่อยหนักเป็นหลายเท่าตัว
แต่นี่คือมดงาน ที่ทำเราให้สามารถแสกนพื้นที่ได้ทั้งหมด นี่คือสิ่งที่ทำให้ไทยโดดเด่นขึ้นมา เรื่องของเทคโนโลยีการแพทย์ ไทยมี นานาประเทศก็มี แต่ อสม. นั้น มีแต่ไทย ที่มีในส่วนนี้
“ต่างชาติเขาตกตะลึงกับการทำงานของ อสม. มันเป็นการทำงานด้วยใจ ได้ประโยชน์มหาศาล แต่ได้ค่าตอบแทนอันน้อยนิด นี่คือ วัฒนธรรมไทย ที่คนไทยช่วยเหลือกันอยู่แล้ว เพียงแต่เราไปเติมความรู้ สร้างระบบขึ้นมา
ผมไม่เคยมองข้ามคุณงามความดีของ อสม.เลย เจอกัน ผมยกมือขอบคุณ ผมรู้ว่าเบื้องหลังการทำงาน อสม. มันต้องทุ่มเท มันต้องเสี่ยงขนาดไหน และการทำงานของ อสม. บวกกับกับการทำงานของหลายภาคส่วน และการร่วมมือร่วมใจของประชาชน ทำให้ไทยเปิดประเทศได้เร็วขึ้น และเป็นการเดินหน้าอย่างมั่นใจด้วย”
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า หลังยุคโควิด 19 ระบาด เราต้องกลับมาเฝ้าระวังเรื่องของสุขภาพทั่วไป อสม. ยังต้องทำงานลงพื้นที่ ไปดุว่าใครเจ็บ ใครป่วย และยิ่งตอนนี้ เป็นหมอคนแรก ตามนโยบาย 3 หมอ ยิ่งต้องประสานกับ บุคลากรในสถานบริการปฐมภูมิ
และแพทย์ในโรงพยาบาล งานยิ่งมากขึ้น แต่นี่คือนโยบายที่ต้องเดินหน้า เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล เพื่อให้การรักษาภาพรวมมีประสิทธิภาพ และด้วยความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น เราให้สิทธิ์ อสม.ได้ศึกษาต่อเป็นผู้ช่วยพยาบาล ได้รับการสนับสนุนโดย สถาบันพระบรมราชชนก ปีละประมาณ 3,000 คน
นอกจากนั้น เรายังเดินหน้ากองทุนฌาปณกิจสงเคราะห์ อสม. ตอนนี้ ถ้าเสียชีวิต ครอบครัวจะได้รับเงิน 200,000-300,000 บาท ในอนาคตจะเพิ่มเป็น 500,000 บาท
“และแน่นอนว่า ล่าสุด เราได้เพิ่มค่าตอบแทน อสม.เป็น 2,000 บาทแล้ว เงินจำนวนนี้ ไม่พอกับความเสียสละของ อสม. แต่เป็นเครื่องสะท้อนว่า อสม.ต้องไม่ถูกทอดทิ้ง และเงินตรงนี้ จะช่วยเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยด้วย
ผมอยู่กระทรวงสาธารณสุขมา 4 ปี เห็นการทำงานของ อสม.มาตลอด นี่คือ บุคลากรการแพทย์ ที่ต้องไม่ถูกลืม และสมควรได้รับเกียรติ แก่การยกย่องชื่นชมด้วย อย่าลืมว่า ไทยเป้นสังคมผู้สูงอายุ ในต่างจังหวัด เมื่อลูกหลานมาทำงาน ใครดูแลคนที่บ้าน ก็ ต้องเป็น อสม. คุณค่าของ อสม. จึงสมควรได้รับรู้ และตระหนักถึง”