ผักกาดหอม
เดี๋ยวๆๆๆ
เอาให้แน่เรื่องมันเริ่มมายังไง
ค่อยๆ เรียงลำดับอะไรมาก่อนหลัง ไม่งั้นถูกหลอกกันทั้งเมือง
เรื่อง “แบม” กับ “ตะวัน” อย่าโยนใส่กระบวนการยุติธรรมว่าอำมหิตผิดมนุษย์โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ยิ่งเป็นการเรียกร้องหาความยุติธรรม ความโปร่งใสด้วยแล้ว เริ่มเรื่องมันต้องโปร่งใส อ้างอิงข้อเท็จจริงด้วย อย่าสักแต่ปั่นกระแสเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ต้องการ
ไม่งั้นมันจะคืนสนอง
ข้อเท็จจริงตามนี้ครับ
ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ สื่อหลายสำนักระบุว่าเป็นนักกิจกรรมอิสระ จำเลยคดี ม.๑๑๒
เริ่มเรื่องกันครับ
ตะวัน อายุ ๒๑ ปี เคยอยู่กลุ่ม We Volunteer (WeVo) มวลชนอาสา
เป็นที่รู้จักจากเหตุการณ์ ไลฟ์เฟซบุ๊กวิจารณ์การจัดขบวนเสด็จ
ถูกควบคุมไว้ที่สโมสรตำรวจเป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน
ถูกแจ้งข้อหา ม.๑๑๒ เมื่อครั้งถูกควบคุมตัวเมื่อ ๖ มีนาคม ๒๕๖๕
แบม เป็นนักกิจกรรมที่ไม่มีสังกัดใดๆ
ไม่เป็นที่รู้จักแต่เข้าร่วมการชุมนุมสามนิ้วตั้งแต่ปี ๒๕๖๓
ถูกตั้งข้อหา มาตรา ๑๑๒ จากการทำโพลสติกเกอร์บริเวณหน้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปว่า ขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่
มีความพยายามนำโพลไปส่งที่วังสระปทุม
วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๕ สน.ปทุมวันนัดรับทราบข้อกล่าวหา โดยตำรวจได้ขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา ด้วยหลักทรัพย์ ๒ แสนบาท พร้อมเงื่อนไข ๔ ข้อ
๑.ห้ามทำกิจกรรม หรือการกระทำใดที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
๒.ห้ามโพสต์เชิญชวน ปลุกปั่น ยั่วยุ ชักจูงประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
๓.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
๔.ให้ติดอุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM)
วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ ตะวัน และ แบม อ่านแถลงการณ์ว่าทำไมถึงถอนประกันตัวเองในคดีมาตรา ๑๑๒ ที่หน้าศาลอาญา
ประเด็นมันอยู่ที่ทั้งคู่ขอถอนประกันตัวเอง
ภาษาชาวบ้านเรียกง่ายๆ คือ ขอกลับเข้าไปอยู่ในคุก
แล้วไงต่อ
วันเดียวกันนั้นเอง ศาลอาญากรุงเทพใต้รับคำร้องขอถอนประกันตัวเอง
ศาลอนุญาตให้ถอนประกัน! เพราะเป็นความประสงค์ของ “แบม” และ “ตะวัน”
ไม่มีใครบังคับ หรือว่ามีก็ไม่ทราบได้
ทั้งคู่ถูกปลดกำไล EM และส่งตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
แต่…ไม่ได้ขอถอนประตัวเปล่าๆ “แบม” และ “ตะวัน” ยังอ่านแถลงการณ์ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้อง ๓ ข้อ
๑.ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอย่างแรกมาก่อนสิ่งอื่นใด ต้องเป็นอิสระปราศจากอำนาจนำ ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และผู้บริหารศาลต้องไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี
๒.ยุติการดำเนินความกับประชาชน ที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมือง
๓.พรรคการเมืองทุกพรรคเสนอนโยบาย เพื่อประกันสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยยกเลิกมาตรา ๑๑๒ และ ๑๑๖
และให้เวลาศาลและพรรคการเมือง ๓ วัน หากยังไม่ให้สิทธิประกันตัวกับนักกิจกรรม และข้อเรียกร้องเหล่านี้ไม่เป็นผล จะยกระดับทั้งจากในเรือนจำและนอกเรือนจำ ในวันที่ ๑๙ มกราคม ซึ่งผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น นอกจากทั้งคู่ขอไปรักษาตัวนอกเรือนจำ
แถมท้ายด้วยแคมเปญ “เลือดต้องแลกด้วยเลือด”
พร้อมพลีชีพ
“ตะวัน” บอกว่า “การต่อสู้ครั้งนี้เลือดต้องแลกมาด้วยเลือด อย่าดูถูกอุดมการณ์ของพวกเราและอย่าคิดว่าพวกเรากลัว อย่าคิดว่าไม่มีใครกล้าแลกชีวิตและอิสรภาพกับการต่อสู้หรืออุดมการณ์”
มาถึงวันนี้ นักวิชาการ นักการเมือง ออกมาประสานเสียงเรียกร้องให้ปล่อยตัว “แบม” และ “ตะวัน” ให้เหตุผลว่าทั้งคู่ไม่ใช่อาชญากร
ไม่ควรเข้าไปอยู่ในคุก
ในโซเชียลเหล่า ๓ นิ้ว พากันด่าศาลกันหนักมาก
พาลไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
โจมตีศาลเป็นเผด็จการ เป็นผู้ทำลายชีวิต สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ทำลายทุกอย่าง
ก่นด่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ ยกเลิก ๑๑๒ ปล่อยเพื่อนกู”
มีคำถามเดียว จะเอาไง ก็เอาสักอย่าง
ถอนประกันตัวเองแล้วเรียกร้องให้ปล่อยตัว
ถึงเป็นแฟนก็ทำให้ไม่ถูก
พยายามจะไม่เอาไปเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่คงเลี่ยงไม่ได้ ใครเป็นคนวางแผนหลอกเด็กไปติดคุก แล้วเอามาเป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง
นี่คือการสร้างสถานการณ์
ประเด็น ม.๑๑๒ นักการเมืองเอาไปห้อยโหนกันใหญ่
แต่เด็กจะซวย
เพราะเด็กไปสุดซอยแล้ว
แต่ผู้ใหญ่ยังป้วนเปี้ยนอยู่ปากซอย
พรรคก้าวไกล ประกาศชัดกว่าใครเพื่อน เปล่ายกเลิก แค่เสนอแก้ไข ม.๑๑๒ เท่านั้น
พรรคเพื่อไทย ชักเข้าชักออก ตีกินมานานแล้ว ไปตามทิศทางลมเดี๋ยวแก้เดี๋ยวไม่แก้
สุดท้ายไปจบที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กฎหมายไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้ต่างหาก
สภาพ “แบม” และ “ตะวัน” ตอนนี้ไม่ต่างอยู่ระหว่างเขาควาย
ถูกขวิดได้ทุกเมื่อ
ฉะนั้นอย่าโยนเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของศาล
ควรประณามผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตเด็ก ๒ คนเป็นเครื่องมือทางการเมืองต่างหาก
ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ
กล้าหลอกใช้เด็ก ต้องกล้ารับซิ