สันต์ สะตอแมน
“อย่าทำตัวปากว่าตาขยิบ..
อ้างว่ารักป่า รักเสือดำ รักธรรมชาติ แต่ยังทำแบบ 3 ข้อดังกล่าวข้างต้น”
ครับ..3 ข้อมีอะไรบ้าง อ่านที่ คุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ก่อนทิ้งท้ายประโยคนี้ดูเอาก็แล้วกัน..
“สิ่งที่ไม่เคยเห็นด้วยมาตลอด คือ 1.เรือดิสโก้ที่ล่องไปพักในเขื่อนหรือแม่น้ำท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงบ เคยไปเที่ยวพักผ่อนนอนค้างบนเรือที่ล่องแคว/เขื่อนกาญจนบุรี
เราหวังที่จะได้ดื่มด่ำกับความเงียบสงบของผืนป่าสองข้างลำน้ำ ดูดาวบนท้องฟ้ากระจ่างใส กลับไปเจอเรือที่ติดไฟดิสโก้ เปิดเพลงดังลั่น เต้นกันสนั่นบนเรือท่ามกลางผืนป่าที่มืดมิด!
คนไทยเรานี่ก็แปลกแยกแยะไม่ออกว่าการพักผ่อนแบบไหนเหมาะกับสถานที่อย่างไร ดันไปเอาความสนุกในเมืองเข้ามาทำลายความสงบในผืนป่า
2.การจัดคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ เคยฟังนักสัตววิทยาบอกว่า สัตว์ป่าสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นเสียงและความดังได้ดีกว่าคน ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลก็ตาม
และเป็นเหตุให้สัตว์เกิดการย้ายถิ่นหนีได้ แถมทุกปียังทิ้งขยะ สร้างความแออัดจอแจของพื้นที่ที่ควรเป็นพื้นที่สงบโดยไม่สมควร
3.พวกที่เข้าไปพักผ่อนตามวนอุทยาน น้ำตก แล้วไปตั้งวงกินเหล้า เปิดเครื่องเสียงดังๆ เต้นร้องรำทำเพลง โดยไม่เกรงใจคนอื่น และไม่เคารพสถานที่ เคยเจอเหตุการณ์กับตัวเอง
ครั้งหนึ่งพาสื่อต่างชาติไปถ่ายสารคดีที่น้ำตกแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ก็เจอวงเหล้า ข้างน้ำตกที่สวยงาม แหกปากร้องเพลงเสียงดัง
สื่อฝรั่งที่ผมพาไปยังออกปากเลยว่าทำไมถึงไม่ชื่นชมความงามของธรรมชาติแบบเงียบๆ แต่นี่กลับทำลายบรรยากาศและรบกวนคนอื่น รวมทั้งสัตว์ป่าด้วย”
ก็..ต้องขอขอบคุณคุณนริศโรจน์ที่ได้แสดงความ “ไม่เห็นด้วย” ได้ตรงกับใจตัวเอง ผมนี้เกลียด-ขยะแขยงนักกับพวกปากว่าตาขยิบ..
ปากรักป่า รักเสือดำ รักธรรมชาติ แต่โน่นดูเอา..แสง สี เสียงที่ป่าเขาใหญ่ที่เพิ่งผ่าน ป่านนี้ ถ้า “เสือดำ” ยังอยู่กับที่ แสดงว่ามัน “หูหนวก-ตาบอด” แล้วล่ะ!
อ้อ..แต่นี่ได้ยิน (ชัด) เต็ม 2 หู เพราะได้ไปยืนฟังการแถลงข่าวด้วยตัวเอง..คุณพรพิมล มั่นฤทัย ผู้บริหารโคลีเซียม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส บอก..
จากที่มีข้อพิพาทและได้ฟ้องร้องคุณหนึ่ง จักรวาร หลังการร่วมทำงานคอนเสิร์ต “99 ปี ครูชาลี อินทรวิจิตร” เวลานี้ทางบริษัทฯได้ถอนฟ้องคุณหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ด้วยพระอาจารย์วราห์ แห่งวัดโพธิ์ทองได้โทรไปขอบิณฑบาต ไม่อยากให้มีคดีความต่อกัน!
“เราได้เคลียร์กันที่ศาล เมื่อวันที่ 19 ต.ค. จาก 10 ล้าน เหลือ 2 แสน อันนั้นก็คือพรพิมลไม่ได้เอาไว้ แต่จะมอบให้กับทางครูออด (จิราวุฒิ กาญจนะผลิน) 5 หมื่น กับทางสมาคมนักร้องฯ 5 หมื่น
อีก 1 แสน ก็ถวายให้พระอาจารย์วราห์ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน ให้รู้ว่าไม่ได้ติดใจอะไรกันแล้ว เพราะพระอาจารย์วราห์ขอบิณฑบาตมา พรพิมลก็ให้ท่าน เพราะถือว่าอย่างน้อยอยู่ในวงการเดียวกัน”
สรุป..คือคุณหนึ่งยอมรับผิดทุกอย่าง พร้อมกับได้กล่าวขอโทษ-ขอโพย และคุณพรพิมลก็ไม่ได้ติดใจอะไร ถือว่าแล้วต่อกัน ซึ่งก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสองฝ่าย
แต่..ที่จะติงคุณหนึ่ง การไปแถลงข่าวกรณีการพิพาท-ฟ้องร้องกันนั้น ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าต้องมีการถกเถียง-ตอบโต้ ที่อาจมีคำพูดรุนแรงเกิดขึ้นได้
ฉะนั้นแล้วก็ไม่ควรที่จะเอาลูกสาว-อายุน้อยเข้าไปอยู่ในงาน-ในบรรยากาศนั้น เพราะคำพูดโต้เถียงของผู้ใหญ่อาจจะกระทบกระเทือนจิตใจเด็กได้
เชื่อ-ไม่เชื่อก็สุดแท้แต่ครับ!