ผักกาดหอม
วันนี้คุยเรื่องเบาๆ ครับ
วานนี้ (๑๙ กันยายน) ช่วงเที่ยงๆ เอามือไถโทรศัพท์เปิดเว็บไซต์ไทยโพสต์ ตรวจสอบข่าวสารบ้านเมือง ไปสะดุดเอาข่าวหนึ่ง
เป็นการแถลงข่าวของ “น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ชื่อไม่คุ้น แต่คุ้นหน้า
เพ่งอยู่พักหนึ่งเพราะสายตาเริ่มจะยาวกว่าแว่นตา
อ้อ…ไม่ใช่ใครที่ไหน “อรุณี กาสยานนท์” นี่เอง
เธอเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ทำเอางงไปพักหนึ่ง
ก็รับทราบไว้นะครับ เวลามีชื่อ “น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” โผล่มาในการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย ก็ขอให้รู้ว่า คือ “อรุณี กาสยานนท์” คนเดิมนั่นเอง
ผมเป็นแฟนคลับเลยนะจะบอกให้
ตามฟังแถลงข่าวตลอด
มาดูกันว่าวานนี้ คุณลิณธิภรณ์ แถลงข่าวเรื่องอะไร
อ้อ…วานนี้ ๑๙ กันยายน ครบรอบ ๑๖ ปี รัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
คุณลิณธิภรณ์ แถลงว่า….
…วันนี้เมื่อ ๑๖ ปีที่แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ผ่านมา ๑๖ ปี ประเทศไทยเสื่อมถอยลงทุกมิติ
ทั้งมิติในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
คนไทยได้เรียนรู้ร่วมกันแล้วว่า รัฐประหารไม่ใช่ข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย
เพราะการเกิดขึ้นของรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ และในปี ๒๕๕๗ ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ รวม ๔ ด้าน…
เอามาแค่ด้านเดียวพอครับ ไม่งั้นจะด้านกันไปใหญ่
…การทุจริตคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น จากการประเมินขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ซึ่งได้จัดการประเมินความเชื่อมั่นต่อการทุจริตในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ได้ชี้ให้เห็นว่าการทำรัฐประหารที่ใช้ข้ออ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนจากนักการเมืองที่โกงกิน เป็นวาทกรรมเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหารเท่านั้น เพราะในปี ๒๕๖๔ อันดับการทุจริตในประเทศไทยอยู่อันดับที่ ๑๐๔ ตกต่ำสุดในรอบ ๒๐ ปี แต่ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลพลเรือนของนายทักษิณ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๕๙ เป็นอันดับที่สูงสุดในรอบ ๒๐ ปี ตัวเลขเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันว่ารัฐประหารและรัฐบาลที่มีที่มาจากรัฐประหาร ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชันได้ ซ้ำร้ายปัญหายิ่งรุนแรงมากขึ้น…
“ผ่านมา ๑๖ ปี กับการทำรัฐประหาร ๒ ครั้ง ผู้มีอำนาจเขียนกติกาเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ก็ยังไม่สามารถนำพาประเทศพ้นจากความจน ตรงกันข้ามกลับจมดิ่ง ล้าหลังและเสื่อมถอย หากรัฐบาล ดร.ทักษิณ ได้มีโอกาสบริหารประเทศ ๘ ปี เหมือนที่พลเอกประยุทธ์ทำ ประเทศไทยวันนี้คงกลายเป็นเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย นำพาประเทศไทยยืนผงาดในเวทีโลก ทั้งหมดคือบทเรียนที่มีค่าที่คนไทยต้องตระหนัก และกำจัดรัฐประหารให้สูญพันธุ์ เพราะมันไม่ใช่คำตอบของสังคมไทย”
ในภาพรวมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ครับว่า รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออก หากต้องการอยู่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่ควรมีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะใช้ข้ออ้างใดๆ
ให้มันจบสิ้น ให้การรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นการทำรัฐประหารครั้งสุดท้าย
ให้ประวัติศาสตร์จารึกเอาไว้แค่นั้น
ทีนี้มาลงรายละเอียด
รอบ ๑๖ ปี รัฐประหาร ๒ ครั้ง เหตุผลหลักทั้ง ๒ ครั้งคือรัฐบาลคอร์รัปชัน
รอบ ๑๖ ปี มีนายกรัฐมนตรี ๒ คนหนีไปต่างประเทศ เพราะศาลพิพากษาให้จำคุกคดีโกง
รัฐประหาร กับคอร์รัปชัน จึงเหมือนงูกินหาง
คนทำรัฐประหารบอกประเทศล้าหลังเพราะมีรัฐบาลโกง
รัฐบาลโกงก็อ้างประเทศล้าหลังเพราะมีรัฐประหาร
ก็ต้องตัดวงจร
ง่ายที่สุดคือ จากนี้ไปกองทัพอย่าทำรัฐประหาร
ไอ้ที่ยากก็ค่อยๆ ทำ รัฐบาลโกง นักการเมืองขี้ฉ้อ ก็ให้ประชาชนที่เลือกมาได้เรียนรู้กันไป
ถ้าเรียนรู้ช้า แล้วฉิบหาย ก็จะไม่มีข้ออ้างได้ว่า ฉิบหายเพราะรัฐประหาร
ต้องให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่าที่ฉิบหายนั้น แท้จริงแล้วฝีมือรัฐบาลขี้โกง
อาจต้องใช้เวลากันหน่อย แต่หากพลเมืองยกระดับรู้เท่าทันนักการเมือง ก็เป็นผลดีต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว
แล้วประชาชนจะรู้ไส้รู้พุงนักการเมืองได้อย่างไร
เอาเรื่องคอร์รัปชันที่คุณลิณธิภรณ์ แถลง มาขยายความต่อก็จะเห็นชัดเจนครับ
เสิร์ช เอนจิน ในกูเกิล ช่วยได้เยอะครับ
ที่ คุณลิณธิภรณ์ บอกว่า รัฐบาลพลเรือนของนายทักษิณ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๕๙ เป็นอันดับที่สูงสุดในรอบ ๒๐ ปี ตัวเลขเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันว่ารัฐประหารและรัฐบาลที่มีที่มาจากรัฐประหาร ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชันได้ ซ้ำร้ายปัญหายิ่งรุนแรงมากขึ้น
หยิบข้อมูลมาท่อนเดียวก็แบบนี้แหละครับ
ประชาชนต้องรู้ให้มากกว่านี้ ไม่งั้นจะถูกหลอกเอาได้ ฉะนั้นไปดูว่ายุคไหนยิ่งอยู่ยิ่งโกง
ดัชนีคอร์รัปชันรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
พ.ศ.๒๕๔๔ คะแนน ๓๒ อันดับ ๖๑ จาก ๙๑ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๕ คะแนน ๓๒ อันดับ ๖๔ จาก ๑๐๒ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๖ คะแนน ๓๓ อันดับ ๗๐ จาก ๑๓๓ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๗ คะแนน ๓๖ อันดับ ๖๔ จาก ๑๔๖ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๘ คะแนน ๓๘ อันดับ ๕๙ จาก ๑๕๙ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๔๙ คะแนน ๓๖ อันดับ ๖๓ จาก ๑๖๓ ประเทศ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พ.ศ.๒๕๕๔ คะแนน ๓๔ อันดับ ๘๐ จาก ๑๘๓ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๕ คะแนน ๓๗ อันดับ ๘๘ จาก ๑๗๖ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๖ คะแนน ๓๕ อันดับ ๑๐๒ จาก ๑๗๗ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๗ คะแนน ๓๘ อันดับ ๘๕ จาก ๑๗๕ ประเทศ
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พ.ศ.๒๕๕๗ คะแนน ๓๘ อันดับ ๘๕ จาก ๑๗๕ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๘ คะแนน ๓๘ อันดับ ๗๖ จาก ๑๖๘ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๕๙ คะแนน ๓๕ อันดับ ๑๐๑ จาก ๑๗๖ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๖๐ คะแนน ๓๗ อันดับ ๙๖ จาก ๑๘๐ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๖๑ คะแนน ๓๖ อันดับ ๙๙ จาก ๑๘๐ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๖๒ คะแนน ๓๖ อันดับ ๑๐๑ จาก ๑๘๐ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๖๓ คะแนน ๓๖ อันดับ ๑๐๔ จาก ๑๘๐ ประเทศ
พ.ศ.๒๕๖๔ คะแนน ๓๕ อันดับ ๑๑๐ จาก ๑๘๐ ประเทศ
วันก่อนเพื่อนมาบ่นให้ฟังว่า กลุ้มใจลูกสอบได้ที่ ๑๒ มาหลายเทอมแล้ว ไม่ดีขึ้นเลย
งงซิครับสอบได้ที่ ๑๒ ถือว่าเก่งแล้ว ทำไมต้องเครียดอีก สมัยผมสอบได้ที่ ๕๐ ยังอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้เลย
พอเพื่อนเฉลยถึงกับเครียดแทน เพราะในห้องมีนักเรียน ๑๒ คน
ดัชนีคอร์รัปชันอย่าไปดูอันดับครับ จะถูกหลอก เพราะจำนวนประเทศที่จัดอันดับเพิ่มขึ้นทุกปี ให้ดูที่คะแนนครับ
“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ยิ่งอยู่ยิ่งโกง “ลุงตู่” ยิ่งอยู่โกงยิ่งลด
ถึงลดน้อย แต่ดีกว่าเพิ่มครับ