ประชารัฐ-ธรรมนัส – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

เราไม่ได้คุยเรื่อง “พลังประชารัฐ” กันเลย
นับแต่ “ธรรมนัส-นฤมล” หลุดเก้าอี้ พปชร.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๑
วันนี้ ก็…จั๊กหน่อย!
“ลุงป้อม” นัดประชุมสส.ที่ห้องทำงานพรรคพลังประชารัฐ ที่อาคารรัฐสภา ตอนเช้า (๑๕ กย.๖๔)
“รอ.ธรรมนัส” เลขาฯ พรรค “นางนฤมล” เหรัญญิกพรรค ควรอย่างยิ่ง ต้องร่วมประชุม

ดังนั้น เขยื้อนของหัวหน้าพรรค กับเขยื้อนของเลขาฯ วันนี้ จึงถือเป็นเขยื้อนบอกทิศทางธรรมนัสกับพลังประชารัฐ
ประเด็นที่เขย่ากัน…

๓ ป.แตกยับ, ป.ป้อมงอน ป.ประยุทธ์, ป.ป้อมจะไม่ไปต่อ, ป.ประยุทธ์จะมาเป็นหัวหน้าแทน, ธรรมนัสไป-ใครจะมาเป็นเลขาฯ, จะปรับครม.หรือไม่ และฯลฯ

เป็นความอยากรู้ ของผู้คนที่ “เร็วกว่าแสง” จริงๆ!

คำตอบเรื่องเหล่านี้ มันเหมือนดอกไม้ตูม เห็นอยู่ รู้ว่าบานแน่ แต่มีใครเคยเห็นดอกไม้ขณะสยายกลีบบานบ้าง?

เรื่องพลังประชารัฐ เรื่อง ๓ ป. เรื่องความเป็นรัฐบาล รวมทั้งเรื่องอนาคตการเมืองของนายกฯ-ของธรรมนัส มันประมาณนั้น

การจะเป็นอย่างใด-อย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความถึงพร้อมขององค์ประกอบที่เรียก “เหตุปัจจัย” ในแต่ละขั้นตอน ทึกทักล่วงหน้าไป ก็จะสุกๆ ดิบๆ

ดังนั้น ถ้าอยากรู้ผลของการ “ดับอหังการ” ธรรมนัสจริงๆ ไม่ต้องถามใคร คำตอบมันอยู่ในตัวมันเอง อย่างที่บอกนั่นแหละ

อยากรู้ปลาย คือ “ผล” ก็ต้องสาวไปที่ต้น คือ “ตัวเหตุ”
เหตุ คือ….
รัฐสภา-รัฐบาลวันนี้ ถือกำเนิดมาจากกติกาเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน เป็นหลักใหญ่

“บัตรเลือกตั้งใบเดียว” ทำให้เกิดเกณฑ์สส. “พึงมี-พึงได้” และเกิดกติกา “ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ” ตามมา

ทุกคะแนนนำไปสะสมเพื่อแลกเก้าอี้ “สส.ปัดเศษ” ได้ตามสัดส่วนตามเกณฑ์ทุกพรรค มีเก้าอี้ปัดเศษให้แลกถึง ๑๕๐ เก้าอี้

นั่นทำให้พรรคเล็ก-พรรคน้อย เกิดเป็นร้อย-เป็นพัน ในการเลือกตั้งระบบ “บัตรใบเดียว”

เพราะไม่ต้องคำนึงว่าสอบได้-สอบตก เอาคะแนนรวมทั้งประเทศแค่พรรคละ ๓-๔ หมื่น ก็ได้เป็น “สส.ปัดเศษ” แล้ว ๑ คน แน่ๆ!

พรรคใหญ่บางพรรค กระหยิ่มผยอง พรรคตัวเองจะได้สส.เขตเต็มเพดาน ก็หาทางไปกวาดเอาเก้าอี้ “สส.ปัดเศษ”
โดย “แตกพรรค” ไปหลายๆ พรรค…

คือใช้พรรคเล็ก “กางโพงพาง” กวาดคะแนนรวมไปแลก ๑๕๐ เก้าอี้ “สส.ปัดเศษ” เอารวมกันเป็นเสียงข้างมาก “จัดตั้งรัฐบาล”

อย่างระบอบทักษิณ แตกไปเป็นสิบๆ พรรค สส.ปาร์ตี้ลิสต์จะไหลเข้าโพงพางเห็นๆ
แต่ด้วยละโมภและบังอาจเหิมเกริม ที่เห็นอยู่ในอวย ฟ้าดินไม่อำนวย “อวยหก” ก่อนเลือกตั้ง

กลายเป็น “หมูหกเข้าปากเหี้ย” อย่างที่เห็น!

“พลังประชารัฐ” จากร้อยพ่อ-พันแม่ มารวมเป็นพรรคใหญ่เกิดใหม่ รองรับพลเอกประยุทธ์
จากรัฐบาล คสช.เข้าระบบ “รัฐบาลเลือกตั้ง” วางตัวไว้ในฐานะ “ผู้รับเชิญเป็นนายกฯ” ในบัญชีเลือกตั้งพรรค

มากกว่าครึ่ง เป็นอดีตสส.ระบอบทักษิณมารวมเป็นพลังประชารัฐ รวมทั้งรอ.ธรรมนัสด้วย!

พลังประชารัฐ พรรคเกิดใหม่ ขายพลเอกประยุทธ์
เพื่อไทย พรรคเก่า ขายของเก่า “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

ผลเลือกตั้งก็ตามคาด พลเอกประยุทธ์ “ของใหม่มาแรง” ทำให้พลังประชารัฐได้คะแนนรวมมากกว่าก็จริง แต่ได้สส.เขตน้อยกว่า

ด้วยระบบพึงมี-พึงได้ตามเกณฑ์ คะแนนเพื่อไทยมีสส.ครบตามเกณฑ์แล้ว จึงไม่ได้รับจัดสรรปันส่วนสส.ปาร์ตี้ลิสต์เลย!

นี้เป็น “จุดหักเห” เพื่อไทย
จากที่ต้องได้เป็นรัฐบาลเห็นๆ กลับต้องเป็นฝ่ายค้านแบบแสนแค้น ด้วย ๒ เหตุ คือบัตรใบเดียว ระบบทำ

และแตกพรรค ตัวเองทำ กลายเป็น “แตกคะแนน” ตัวเองเป็น “หัวแหลก-ตัวแตก” รวมกันแล้ว “แพ้เขา”!

ธรรมนัส ตอนนั้น เหมือน “ยักษ์ในขวด” ที่ออกฤทธิ์-ออกเดชโด่งดัง ไม่ใช่เพราะพรรคพลังประชารัฐ
เพราะ “เพื่อไทย” นั่นแหละ…….

ตอนอยู่เพื่อไทย ธรรมนัสเป็นยักษ์ฝ่ายดี แต่พอไปอยู่พลังประชารัฐ เพื่อไทยหาว่าเป็นยักษ์ชั่วร้าย อภิปรายไม่ไว้วางใจธรรมนัส ว่าเคยติดคุกที่ออสเตรเลีย ข้อหาค้ายาเสพติด!

แบบนี้ ไม่ใช่ “หักทางการเมือง”
แต่เป็นการ “ฆ่าประจานศพกลางเมือง” ธรรมนัสนั้น ในอีกปางหนึ่ง ทุกคนรู้ดี คือ “ปางนักเลง”

ที่เพื่อไทยทำกับธรรมนัส ในทางการเมือง มองว่ายี่เกการเมือง อย่างที่เห็น เพื่อไทยชวนธรรมนัสกลับคืนพรรค
กลับ-ไม่กลับ ผมไม่รู้ มีแต่ทักษิณกับธรรมนัสเท่านั้นที่รู้ แต่ในทางนักเลง ถ้าถึงขั้นนี้

เขาจะกลั่นเลือดแค้นทดฝากไว้ที่หัวใจหยดหนึ่งว่า “ถ้าทำกูไม่ตาย…มึงตาย”!
นี่พูดถึงเหตุจาก”บัตรใบเดียว”

แต่ตอนนี้ ค้าน-รัฐบาล “ผลประโยชน์ลงตัว” แก้รัฐธรรมนูญเป็น “บัตร ๒ ใบ” เรียบร้อย และไม่น่าพลิกล็อก

“บัตร ๒ ใบ” คือ เหตุใหม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่จะวินิจฉัยหาผลในอนาคต จากเหตุ “ปลดธรรมนัส” ที่สะท้านถึงสัมพันธ์ ๓ ป.และสถานะพรรคพลังประชารัฐ

บัตรใบเดียว ทำให้เกิดระบบ “แตกพรรค”
เกิดพรรคใหม่ในรัฐสภามากมาย ซึ่ง “ทั้งดี-ทั้งร้าย” เป็นประวัติศาสตร์ (คน) การเมืองบัดซบ

ชาวบ้านเริ่มไม่แน่ใจ ว่าประชาธิปไตยระบบเลือกตั้ง เป็น “อารยะ” หรือ “อนารยะ” รุ่นใหม่ไวแสง ทุกอย่างตามใจกูไม่มีกรอบคุณธรรมสำนึกกำกับ?

แต่ “บัตร ๒ ใบ” ต่อจากนี้ จะทำให้เกิดระบบ “รวมพรรค”!
คือ จากแตกพรรค เอาคะแนนไปขึ้นสส.ปัดเศษ

ก็จะต้องรวมกัน ทั้งพรรคเล็ก-พรรคน้อย ก็อาจยุบรวมเป็นพรรคเดียวกัน ไม่อย่างนั้นสูญพันธุ์

เพราะพรรคเล็ก ในระบบบัตร ๒ ใบ การเลือกตั้งจะให้ได้ ๓๕๐,๐๐๐ คะแนนขึ้นไป ถึงจะมีสิทธิ์ได้ปาร์ตี้ลิสต์ซักคนซึ่งมันยากมาก!
พรรคใหญ่จะดูดไปหมด ………

ทั้งสส.เขตและสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทั้งคะแนนนิยมตัวสส. ตัวปาร์ตี้ลิสต์ ตัวพรรค โดยเฉพาะ ตัวคนที่เสนอเป็นนายกฯของพรรค

ตามรูปการณ์ พลังประชารัฐกับเพื่อไทย จะเป็น ๒ พรรคใหญ่ ช่วงชิงกัน เป็นขั้วจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป!

เมื่อดูเงื่อนไขอันเป็น “เหตุ” แล้ว เราก็พอมองได้ว่า ๓ ป.แตก-ไม่แตก สส.พลังประชารัฐ จะแยกย้ายหรือหลอมรวม ป.ป้อมจะงอน-ไม่งอน ป.ประยุทธ์
และป.ประยุทธ์จะ “สู้มัน” ต่อไปมั้ย?

หรือจะถอย “ยกประเทศ” ให้พวกล้มเจ้าเข้าครองอำนาจ ให้ฝรั่งต่างชาติเข้ามาสวมปลอกคอ คอยกระตุกเชิด?
ส่วนธรรมนัสนั้น “นอกสมการ”

เพราะธรรมนูญนักเลงมีว่า “พูดคำไหน-เป็นคำนั้น” ในเมื่อธรรมนัสแถลงต่อคนทั้งเมือง
จะไปตั้งพรรคใหม่ “อีสานล้านนา” แล้ว “เชน จะคัมแบ็ก”

ฉะนั้น จะไปหมายมั่นคั้นตาย ต้องออกจากเลขาฯ พรรคด้วยเดี๋ยวนี้ มันจำเป็นอะไรนักหนาต้อง “ตัดบัวไม่เหลือใย” ทำกันชนิด “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” ถึงขนาดนั้น?

พลาดครั้งนี้ ริบเก้าอี้ ก็เฉียบขาดตามวินัยทหารพอสาสมแล้ว ธรรมนัสอยู่พรรค คุณูปการเขาก็มี ก็ให้เวลาเขาบ่มใจใคร่สำนึกบ้าง
อย่าไปเค้น-คั้นให้จนตรอก

ให้มโนสำนึกแห่ง “คนนักเลง” คั้นและเค้นเส้นทางเขาเอง ขงเบ้งยังปล่อย “เบ้งเฮ็ก” ถึง ๗ ครั้ง
สมเด็จพระนเรศวร ยังทรงให้โอกาสพระราชมนูที่ฝืนคำสั่งทัพถึง ๓ ครั้ง

กับธรรมนัส…ในชีวิตเขา เพิ่งครั้งที่ ๖ เองมั้ง?

Written By
More from plew
“แค้นอาฆาต”ของคนคด
เปลว สีเงิน ถึงตอนนี้…….. “ม็อบรุ่นใหม่” ก็หนังกลับ “คืนสภาพจริง” “นักเรียน-นักศึกษา” แค่ผักชี นปช.ทักษิณ “เสื้อแดงแจ๋ “เนื้อแท้ ชัดเจน!
Read More
0 replies on “ประชารัฐ-ธรรมนัส – เปลว สีเงิน”