เปลว สีเงิน
เนี่ย…ผมอยากให้อ่านนี่กันนิด
คุณ Varanya Marino นำภาพเหตุการณ์ตำรวจจับแก๊งมอเตอร์ไซค์ก่อจลาจลย่านสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันอาทิตย์มาโพสต์เฟซ
และเขียนบรรยายภาพไว้ ดังนี้
“ศูนย์ทนายสิทธิเเจ้งว่า…เหตุดินแดง #ม็อบ 22 สิงหา พบผู้ถูกจับ 42 คน เป็นเยาวชน 19 คน ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 คน ถูกตั้งข้อหา พรก.ฉุกเฉิน, ม.215, 216 มีข้อหา มีอาวุธ 1, มีระเบิด 1
เยาวชนส่วนใหญ่ถูกขังที่ สน.พหลฯ เหตุถูกยึดโทรศัพท์ติดต่อผู้ปกครองมารับไม่ได้
พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปศาลเยาวชนวันนี้-ฝากขังผู้ใหญ่ศาลอาญา แขวงพระนครเหนือ-ดุสิต”
คำถามเกิดขึ้นว่า….
ที่ศูนย์ทนายฯ มาเป็นทนาย เพราะเห็นว่า สิ่งที่ม็อบ ๒๒ สิงหา.ป่วนเมือง มีอาวุธ มีระเบิด นั้น
คือการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เข้าเกณฑ์ช่วยเหลือคดีของ “ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน” ตามที่ประกาศไว้ อย่างนั้นใช่ไหม?
ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งคดีเชิงรับและเชิงรุก ตามที่ศูนย์ฯ ตั้งเป็นกรอบไว้
แล้วเพราะเหตุใด ศูนย์ฯ จึงช่วยเหลือคดีม็อบเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่ชุมนุมสงบ หากแต่มีพฤติกรรมก่อกวนความสงบบ้านเมืองและปองร้ายสถาบัน?
หรือเพราะม็อบ ๒๒ สิงหา.จริงๆ แล้ว ทั้งหมดขบวนการเดียวกัน แต่แยกเรียกร้อยชื่อ
คือขบวนการ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ล้มล้างสถาบัน โดยรุ่นใหม่สามนิ้ว ที่มีปิยบุตร-ธนาธร กลุ่มจานมหา’ลัย และพรรคฝ่ายค้านบางพรรค เป็นตัวขับเคลื่อนอยู่ขณะนี้ อย่างนั้น ใช่หรือไม่?
เหตุนั้น “ศูนย์ทนายฯ” จึงเข้าทำหน้าที่ทนายแก้ต่างให้กลุ่มม็อบที่ต้องคดี แบบวิ่งเข้าหาลูกความเอง โดยพลัน
ไม่รอให้มาร้องเรียนก่อนว่า…
ผม..ดิฉัน..อะฮั้น..หนู ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ถูกจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าตามขอบเขตและหลักเกณฑ์ ที่ศูนย์ฯตั้งกติกาไว้ ว่าจะช่วยเหลือทางคดีให้
นั่นเพราะ….
“ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน” และ “กองทุนราษฎรประสงค์” ที่เปิดบัญชีรับบริจาคเงินเพื่อประกันตัว
มี ดร.ชลิตา จาน ม.เกษตรฯ กับ นางไอดา บก.หนังสือในเครือฟ้าเดียวกันของธนาธร เป็นเจ้าของบัญชี นั้น
ก็คือ เครือข่ายทนาย “อานนท์ นำภา” เริ่มมาตั้งแต่ปี ๕๗ เพื่อต่อสู้กับรัฐประหาร
เมื่อพัฒนาไปเป็นขบวนการ “รุ่นใหม่สามนิ้ว” จากล้มประยุทธ์ ไปเป็นล้มสถาบัน ก็ปรับแบรนด์อานนท์ เป็นแบรนด์ “ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิฯ”
กองทุนที่เปิดรับท่อน้ำเลี้ยงในรูป “เงินบริจาค” ก็เปลี่ยนบัญชี-เปลี่ยนชื่อเป็น “กองทุนราษฏรประสงค์” ทำงานคู่กับศูนย์ทนายฯ เรื่อยมา
สรุปตามพฤติกรรม………
ทั้งศูนย์ทนายฯทั้งกองทุนราษฎรประสงค์ ก็คือฝ่ายกฎหมายและฝ่ายการเงินหลัก ของขบวนการ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” มุ่งล้มสถาบัน นั่นเอง!
ที่สงสัยกันว่า หนึ่งขบวนการ แต่ทำไมมีร้อยชื่อคณะนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจาก “บัญชีบริจาค” นี่แหละ
ใครดัง ก็แยกตั้งวง เพื่อเปิดบัญชีในชื่อกลุ่มหรือชื่อตัวเอง “รับเงินตรง” จากท่อน้ำเลี้ยง
เงินอย่างนี้ เห็นหน้า-เห็นตัว ให้เป็นหลักฐานได้ที่ไหนล่ะ มันก็ต้องมาในรูป “เงินบริจาค” จากท่อน้ำเลี้ยง เป็น “ธารน้ำใจ” ไหลมาเข้าบัญชี แบบนั้นแหละ!
“แตกวง-แตกคอ” กันไปกันเรื่องเงินบริจาคก็หลายคน ที่รวยเดี่ยว โชว์ยอดบัญชี รวยหลักล้าน-หลักสิบล้าน ในแต่ละรายก็เยอะ
แต่บัญชีหลัก ใช้ประกันตัว ค่าปรับ ตามที่ศูนย์ทนายฯแถลงวันก่อน
“กองทุนราษฎรประสงค์” ของจานชลิตานี่….
เห็นยอดเงินแล้ว ทำให้อยากเห็นหน้า “ผู้ประสงค์ออกเงิน-แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม” เสียจริงๆ
แต่ละครั้ง คงต้องหลักสิบ-หลักร้อยล้านแน่!
ไม่งั้น เอาม็อบอยู่ได้ไง ขนาดประกาศ “ค่ารถจ่ายหน้างาน” ได้ แสดงว่า รายการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” มันทุ่มทุนสุดตัวเลย งานนี้
จากชุมนุมเรียกร้องโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามสิทธิเสรีภาพอันพึงมีตามวิถีทางประชาธิปไตยอันรัฐธรรมนูญรองรับ
ไปเป็นร่วมขบวนการ แล้วกระจายแก๊งออกก่อจลาจลเมือง เผาทำลาย สาดสี พระบรมฉายาลักษณ์ กล่าวถ้อยคำจ้วงจาบและอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระประมุข
ประสานกับแกนขบวนการ ปั่นทวีตบ้าง โพสต์เฟซบ้าง สุมหัวคลับเฮาส์บ้าง ใช้เวทีสภาเป็นเกราะคุ้มครองบ้าง แล้วโจมตีสถาบันสู่สาธารณะ ทั้งปลุกปั่น-ยุยง ดังประจักษ์
ระยะหลังๆ….
คนรุ่นใหม่ ที่เป็นนิสิต นักศึกษา นักเรียน เมื่อเห็นว่า กำลังถูกหลอกใช้ไปในทางบ่อนทำลาย-ล้มล้างชาติบ้านเมืองและสถาบัน ที่ถอยห่างไปก็มาก
ตอนนี้ จึงไม่มีการชุมนุมปราศรัย แสดงความคิดเห็น เยี่ยงปัญญาชน “สันติ-ปราศจากอาวุธ” อย่างผู้เจริญแล้วพึงทำ
ตรงกันข้าม กลับมีเยาวชนประเภทอันธพาลชน เด็กมีปัญหาทางสังคม เด็กแว้น เด็กแซ่บ เด็กสก๊อย เด็กมั่วยา มั่วน้ำท่อม พร้อมอาวุธ พลุไฟ หนังสติ๊ก ระเบิด
ถูกจ้างมาให้สร้างสถานการณ์กวนเมืองตามสถานที่ต่างๆ รายวัน ยั่วยุปะทะตำรวจ หวังให้ลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง
ทุกวันนี้ ขบวนการสามนิ้ว ใช้กระทั่งเด็กต่ำกว่า ๑๐ ขวบ ให้ตะโกนกล่าวร้ายสถาบัน ให้ร่วมม็อบ ยิงหนังสติ๊ก โยนดอกไม้ไฟใส่ตำรวจ
องค์กรพิทักษ์เด็กหายหัวไปไหนหมด?
กับเพื่อ “กีดกันทางการค้า”………
ทั้งยูเอ็น ทั้งฮิวแมน ไรท์ ทั้งยุโรป-สหรัฐฯ ทั้งกสม.กลไกใต้อำนาจจักรวรรดิตะวันตก ยกเรื่อง “แรงงานเด็ก” ขึ้นมาเอาเป็น-เอาตายกับไทย หลายต่อหลายเรื่อง
แต่ขบวนการสามนิ้ว เอาเด็กมาเป็นกองโจร เป็นเครื่องมือในปฏิบัติการ “ปฏิรูปแบบปฎิวัติ” เพื่อล้มล้างสถาบัน
มัน “อมสาก” กันหมด
เป็นนัยว่า นี่คือสิทธิเสรีภาพ การเอาเยาวชนมาก่อจลาจลเมืองรายวัน คือการชุมนุมสันติ ปราศจากอาวุธ!?
พ่องมึงตายน่ะซี…แบบนี้!
ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิฯ ก็พิทักษ์สิทธิเสรีภาพให้กองโจรเด็ก กองทุนราษฏรประสงค์ บ้าง สส.พารรคก้าวไกลบ้าง ก็คอยตามประกันให้เด็ก
ไม่เคยมีองค์กรไหนออกมาท้วงให้ได้ยินซักคำเลยว่า
“เฮ้ย…
การเอาเยาวชนมาเป็นกองโจรแบบนี้ มันไม่ถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชนนะ ไม่เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการพิทักษ์สิทธิเด็กนะ” เลยซักครั้ง!
ทำให้ผมสงสัย ว่า…
อะไรที่ขบวนการสามนิ้้วทำ ที่เป็นไปเพื่อ “ล่มประเทศ-ล้มสถาบัน” ของไทยแล้ว
ในสายตาผู้พิทักษ์กติกาสังคมประชาธิปไตยโลก
มันคือ “สิทธิมนุษยชน” คือ “สิทธิเสรีภาพ” ที่ยอมรับกันอย่างนั้นใช่มั้ย?
ถ้าใช่ “ตำรวจไทย” จะได้ใช้สิทธิเสรีภาพ “พิทักษ์สันติราษฏร์-สันติบ้านเมือง” แบบจัดเต็ม ตามกรอบกฎหมายบ้าง
แล้วอย่าบ้าจี้ กับแฮชแท็ก….
“เด็กล้มทับตีนตำรวจ” ก็แล้วกัน!
