เปลว สีเงิน
วันนี้ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
“อภิลักขิตกาล” แห่งวัน “เฉลิมพระชนมพรรษา”
“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” เวียนบรรจบ ๔๓ พระชันษา
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้ากระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า เปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ครับ….
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับเมื่อเช้า คือ ๓ มิย.ไม่มีคอลัมน์คนปลายซอย เพราะต้องนำพื้นที่บรรจุข่าวสาร
อาจทำให้บางท่านสงสัย ว่าผมหายไปไหน ?
ทั้งวันนี้ เป็นวันราชสมภพ “สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี” ในฐานะผมเป็นพสกนิกรผู้หนึ่ง ก็ยังไม่ได้ถวายพระพร
จึงต้องมาตรงนี้ …….
แม้ผิดเวล่ำ-เวลา ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย มาด้วยมุ่งมั่นถวายพระพรชัย ผ่านทาง “เว็บไซต์ เปลว สีเงิน” www.plewseengern.com
แล้วท่านทั้งหลายล่ะ ได้ถวายพระพรกันหรือยัง?
อาจย้อนถาม แล้วจะไปถวายพระพรได้ที่ไหน?
ได้ทางนี้เลยครับ….
“สำนักพระราชวัง” ได้เชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร “สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th
ระหว่างวันที่ ๑ – ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ท่านคลิกเข้าไปเลย………
จะมีภาพและข้อความปรากฎ ก็กรอกชื่อ กรอกข้อความ ลงในช่องที่เขาเตรียมไว้ให้ เท่านั้น “พระพรชัย” ในวันเฉลิมฯ ก็ถึงพระองค์แล้ว
ลงนามถวายพระพรได้เรื่อยๆ นะครับ จนถึงวันที่ ๖ มิย.
ปีนี้ นับเป็นปีที่ ๓ …….
ตามมติครม.เมื่อ ๑๔ พค.๖๒ ที่กำหนดให้วันที่ ๓ มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันเฉลิมพระชนมพรรษา”
“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”
และเป็นวัน “หยุดราชการ” ประจำปี นับแต่ปี ๒๕๖๒ นั้น
หญิงสามัญชนผู้หนึ่ง ด้วยบุญญาธิการถึงพร้อม ฟ้าจึงสร้างสรรค์ จุติลงมาเป็น “สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี”
คู่พระทัยพระมหากษัตริย์ คู่ราชบัลลังก์แห่งราชวงศ์จักรี
ต้องยอมรับว่า สมเด็จพระราชินีพระองค์นี้
ได้รับความรัก ความเมตตา กำลังใจ และการยอมรับจากประชาชนคนไทย นำไปสู่ความเทิดทูนสูงส่งแห่งความเป็นพระราชินี “คู่กษัตริย์-คู่ราชบัลลังก์” ด้วยกาลเวลาที่รวดเร็วมาก
เพราะอะไร?
เพราะ ประชาชนเห็นแล้ว ว่าพระราชินีพระองค์นี้ ทรงเข้มแข็งอยู่ในความนอบน้อมถ่อมพระองค์
ทรงมีจิตตานุภาพเป็นพลังบวก
รอยยิ้มพระสรวลต่อมวลชนของพระองค์ เป็นยิ้มแห่งน้ำใส-ใจจริง บริสุทธิ์แห่งยิ้มนั้น จึงยังความชุ่มเย็นใจต่อผู้พบเห็น ประหนึ่งน้ำค้างพรมยามอรุณรุ่ง
พระองค์ทรงงานเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลพระบาท หนักแน่น-จริงจัง เป็นที่ประจักษ์
การรู้ตนและวางตนจากสามัญชนสู่ความเป็นสมเด็จพระราชินี ทรงปฏิบัติตนได้สง่างามมาก
สูงส่ง สมพระเกียรติ เพียบพร้อมพระราชจริยาวัตรตามระเบียบแบบแผนราชประเพณี
เรียกว่า “ชนะใจประชาชน”
คู่ควรกับความเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี” คู่พระทัยพระมหากษัตริย์ยิ่งแท้
อันชนทั้งหลาย ด้วยใจที่สยบแล้ว
พร้อมน้อมกาย-น้อมใจ ถวายพระพรชัย เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ กาลนี้แล้ว
มาทำความรู้จักพระราชประวัติ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” กันหน่อยก็ดี
ผมนำข้อมูลมาจาก “วิกิพีเดีย” บางตอนนะครับ ท่านไปคลิกอ่านเพิ่มเติมจากที่นั่นได้
“พระราชประวัติ”
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ณ ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
มีพระนามเดิมว่า “สุทิดา ติดใจ” เป็นธิดาของคำ ติดใจ กับคุณหญิงจั่งเฮียง ติดใจ
ครอบครัวของพระองค์เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ทรงเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ “โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา”
จากนั้น จึงทรงเข้าศึกษาระดับ ปวช. (เทียบเท่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) ที่พณิชยการพระนคร
ต่อมาได้ทรงศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต ณ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จนจบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2543
และทรงเข้าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท แจลเวย์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2543 – พ.ศ. 2546
และทรงเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปี พ.ศ. 2546 – พ.ศ. 2551
“สมเด็จพระราชินี”
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสและสถาปนา “สมเด็จพระราชินี” ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
โดยในวันเดียวกันนั้น เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชโองการ ให้สถาปนา
“พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา” พระอัครมเหสี เป็น “สมเด็จพระราชินีสุทิดา”
ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ภายหลังที่ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ด้านการทหาร”
- 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรวิชาทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ของโรงเรียนและศูนย์ฝึกหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
- 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายร้อย-ชั้นนายพัน หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ
- พ.ศ. 2556 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 91
- พ.ศ. 2557 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำ วิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 59
- 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งทางอากาศ ของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ
- 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งทางอากาศนาวิกโยธิน ของโรงเรียนทหารนาวิกโยธิน ด้วยการกระโดดร่มลงทะเลในเวลากลางคืน ที่สัตหีบ ซึ่งโรงเรียนทหารนาวิกโยธินไม่เคยมีการฝึกมาก่อน เพราะปกติแล้วจะทำการฝึกกระโดดในเวลากลางวันเท่านั้น
พระองค์จึงทรงเป็นนายทหารและนายทหารหญิงพระองค์แรก ที่ทำการฝึกหลักสูตรนี้ - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตร Combat Qualifying Course Jungle Warfare ของหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
- มีนาคม พ.ศ. 2561 ทรงจบหลักสูตรการยิงปืนพกในระบบต่อสู้ภายใต้สภาวะกดดันของกองบังคับการปราบปราม
ด้านการบิน - 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของหน่วยฝึกการบินพลเรือนกองทัพอากาศ ทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ Cessna T 41
- 16 มกราคม พ.ศ. 2554 ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรศิษย์การบินทหารบกอากาศยาน ปีกติดลำตัว ชั้นมัธยม ของโรงเรียนการบินทหารบก ทรงทำการบินกับเครื่องบิน แบบ Cessna T 41
- 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของโรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ ทรงทำการบินกับเครื่องบิน แบบ CT-4E และ PC-9
เสด็จฯไปทรงฝึกและศึกษาการบินเพิ่มเติม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทรงผ่านการทดสอบและได้รับใบอนุญาตนักบินของสหภาพยุโรป
ออกใบอนุญาต โดยสำนักงานการบินพลเรือน แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ดังนี้
- ใบอนุญาตนักบินส่วนบุคคล PPL(A) ทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ Cessna 172, Mooney M-20, Piper PA-34 Seneca
- ใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี CPL(A) โดยมี Type Rating ของเครื่องบินแบบ Boeing 737 300-900 และ
ใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก (ATPL-Theory) - ทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน ทรงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วย ทำการบินกับเครื่องบินพระราชพาหนะ Boeing 737-400 และ Boeing 737-800
ครับ….ณ วาระนี้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ