เลิกเชื่อแล้วจะพบความจริง

๒๓ ตุลาคม เป็นวัน “ปิยมหาราชเจ้า” “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕ สวรรคต เมื่อ ๑๐๙ ปีผ่านแล้ว

พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงประชาชนไทย และด้วยพระปรีชาญานแห่งพระองค์ พระนามนี้ จึงมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกเจิดจ้า

ถ้าไม่มีพระองค์ในกาลนั้น
ก็จะไม่มีประเทศเอกราชในอุษาคเนย์ที่ชื่อ “สยาม” ให้พวกเราทุกคนได้ “รักชาติ-ชังชาติ” ในนาม “ประเทศไทย” กันในวันนี้

ในรอบ ๒๓๗ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในความหมายของคำว่าปฏิวัติประเทศ “พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า” เป็นพระองค์เดียว “ปฏิวัติสยาม”

จากครั้งนั้น…….
ปูรากฐาน ทรงจัดระบบ-ระเบียบการบริการและการปกครองประเทศสู่ความเป็นอารยสากลในทุกด้าน ถึงกาลปัจจุบันนี้

ณ กาลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า….
ในความเป็นข้าทาสแผ่นดินไทย และสำนึกรู้ในพระคุณพระมหากษัตริย์ไทย “คู่แผ่นดินไทย”
กราบทาบทบพื้น สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่ง “สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า” พร้อมกับพสกนิกรไทยทั้งปวง
———————–
พูดกันตรงๆ สมมุติยืนอยู่ ณ ศูนย์กลางจักรวาล
มองจากนอกเข้ามาใน ………..
จะเห็น “ประเทศไทย” เราประเสริฐ ที่ทั่วโลกยอมรับทั้งกายและใจหลายต่อหลายอย่าง

อันดับแรก ไทยเป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา” โลก

อันดับสอง พระมหากษัตริย์ไทย “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาล ที่ ๙

“กษัตริย์ อันเป็นที่รักและเทิดทูนของของปวงชน ผู้ทรงหลอมรวมประเทศให้เป็นหนึ่งและทรงเป็นที่เคารพนับถือของนานาประเทศในโลก”

อันดับสาม มิตรภาพ เผื่อแผ่ และยิ้มจากใจ ไทยแห่งเดียวในโลก

อันดับสี่ จะมีก็ได้ ผมเติมเอง………
คนไทย เป็นชาติเดียวในโลก อยู่สบายมากๆ แล้วรำคาญ ชอบหาเรื่องแบ่งข้าง-แบ่งฝ่าย แล้วทะเลาะตบตีกันเองเล่นๆ

พอมีใครมายุ่มย่ามกับประเทศไทย
คนไทยจะเลิกทะเลาะ แล้วรวมกันไปไล่กระทืบพวกที่เข้ามาเป็นภัยประเทศ ซึ่งยากจะเข้าใจคนไทย แต่ใช่นี่แหละ..ไทยแท้

ครับ….
เรามีดี ที่ประเทศอื่นๆไม่มีและอิจฉาเราแบบนี้
แต่จะเพราะดีนั้น หลอมเป็นจิตวิญญานไทย อยู่ในเลือดเนื้อตัวตนคนไทย
พวกเราจึงมองไม่เห็น “ดี” ในความเป็นไทยของตัว อย่างที่ชาวโลกเขาเห็น
แต่ดี ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็ตรงข้อ ๔
เพราะกินอิ่ม-นอนหลับ-อยู่สบาย แล้วรำคาญ แบ่งข้างทะเลาะกันนั่นแหละ
ตอนนี้ ชักเลยขีด “ตีกันแก้รำคาญ” ไปนิด
คือมีบางกลุ่ม “ร้อนวิชา” เล่นนอกเกม ไปรับใช้นอกชาติเพื่อล่มชาติ
ตีค่าสถาบันกษัตริย์ เป็นเหมือน “นั่งร้าน” พวกวิชาการล้นเกิน เกะกะประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน-เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ อะไรของเขาเทือกนั้น
ก็หาทางจะ “รื้อทิ้ง”!

อยากบอกว่า หาเวลาค้นหา “รากตัวเอง” ด้วยหมั่นศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยกันบ้าง

อย่าอ่านแต่ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ทฤษฏีการเมืองกรัมซี่ หรือประชานิยมซ้ายอย่างลาคลาว-มูฟ หรือหนังสือของอิตาโล คัลวีโน อย่างเดียว
อ่านทั้งของไทย-ของเทศแล้ว ก็อย่าเชื่อทางใด-ทางหนึ่งทันทีทันใด

หัดใช้ “วิตก-วิจาร” ถึงความจริงตามธรรม สมด้วยเหตุและผลของมันแล้ว ก็ประยุกต์ทั้งทางร่วม-ทางแย้งเข้าด้วยกันด้วยปัญญา
แบบนี้ จะชัง ก็ชังถูกทาง
จะรัก ก็รักถูกทาง
เมื่อทั้งชัง-ทั้งรัก “ถูกทาง” แล้ว
ในความเป็นสอง ด้วยทิฐิ มันก็จะรวมเป็นหนึ่ง ด้วยธรรม

เมื่อเอ่ยคำว่า “ธรรม” อย่าใช้ความไม่รู้โมเมสรุปว่า เอะอะก็ลากเข้าวัด!
จงเข้าใจให้ถูกเสียใหม่……..
พระอาจารย์อนิลมาน “พระศากยวงศ์วิสุทธิ์” ท่านอรรถาธิบายให้ฟังที่ไทยโพสต์วานซืนว่า

 

“ธรรม หรือธรรมะ ที่พูดๆ กันนั้น ไม่ได้หมายถึงคำสอนพระพุทธศาสนา
ธรรม หมายถึงธรรมชาติ คือสิ่งที่ “เป็นอยู่-มีอยู่” เองแล้วทั่วไป

ที่เข้าใจว่าเอ่ยถึงธรรม หมายถึงคำสอนพระพุทธเจ้านั้น ถูกครึ่งเดียว
ครึ่งที่ถูก คือ พระพุทธเจ้า พระองค์เดียวในโลก ที่ทรงค้นพบ “ความจริงตามธรรม” และทรงนำความจริงที่ค้นพบด้วยพระปัญญาญานนั้น มาบอกชาวโลก

๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น
หากแต่ทั้งหลาย-ทั้งปวง เป็นอยู่-มีอยู่เองแล้วตามสภาวะของโลก
ด้วยปัจจัยเกื้อ ในความเป็นเหตุสู่ผล เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิด-จึงสลาย นี้แหละคือ ธรรม…ธรรมชาติ

สรุป ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน ไม่ใช่ “พระพุทธศาสนา”

“พุทธศาสนา” เป็นเพียงนาม ใช้สมมุติเรียกกันภายหลัง เหมือนตั้งชื่อเรียกคนนั้น-คนนี้ เพียงให้หมายรู้ว่าใคร-เป็นใครเท่านั้น

จริงๆ แล้ว ชื่อ นาย ก.นาง ข. มันไม่มีตัวตน มีแต่ คอหยักๆ สักแต่ว่าคน เหมือนๆ กัน
เข้าใจคำว่า “ธรรม” กันให้ถูกต้อง จะได้ไม่ปฏิเสธ ทั้งที่ไม่รู้

ผมก็จำจากที่พระอาจารย์อนิลมานอธิบาย แล้วบอกต่อตามเข้าใจ
ถ้าใครบอกว่าผิด ก็ไม่เป็นไร จะได้เป็นฐานให้ผมไปนมัสการถามพระอาจารย์ต่อ

มีอยู่ประโยคหนึ่งที่พระอาจารย์อนิลมานบอก แล้วทุกคนร้องฮือ เพราะกระแทกต่อมจริตพอดี ท่านบอกว่า
“ตราบใดที่เรายังมีความเชื่อ ตราบนั้น เราก็จะไม่รู้ความจริง”

ตรองตามแล้วจะเห็น เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนเรา ลองเชื่อ ในสิ่งใดแล้ว มักปฏิเสธเหตุผล ปิดสวิตซ์วิตก-วิจาร
วิตก คือการตรึก วิจาร คือการตรอง
เมื่อไม่ตรึกและตรอง ก็จะทึกทักสิ่งที่เชื่อนั้น เป็น “สิ่งจริง” ตลอดไป
ว่าโลกแบน ก็จะแบนตลอดไป ว่าสิ่งที่กูได้ตามต้องการเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อเชื่อ “ด้วยงมงาย” อยู่แค่นั้น

อย่างสารเคมีอันตราย พาราควอต, คอลร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต

ระดับรัฐ-ราษฏร์ ก็เชื่อกันมาตลอด ว่าเป็นสารวิเศษ

ถ้าขาดสารเคมีกำจัดวัชพืช “พาราควอต” ระบบเกษตรเชิงอุตสาหกรรมจะตายกันหมด เพราะไม่มีอะไรใช้ฆ่าหญ้า

แต่ละรัฐบาลเชื่อ กระทรวงเกษตรเชื่อ กระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อ สาธารณสุขเชื่อ คณะกรรมการวัตถุอันตราย ๒๖ คนเชื่อ พ่อค้าสารเคมี ทั้งเชื่อ-ทั้งชอบ!

แต่พอถึงเวลาหนึ่ง มีคนถอนความเชื่อในความเป็น “สารวิเศษ” ของเจ้าพาราควอต

แล้วตรึกและตรองจนพบความจริงที่เป็นอยู่ ว่ามันไม่ใช่สารวิเศษ หากแต่มันเป็นสารพิษ

ใช้มาก-ใช้นาน-ใช้ต่อเนื่อง โดยไม่เว้นวรรค ไม่ปลูกพืชตระกูลถั่วสลับเพื่อปรับคุณภาพดิน

ก็จะพากันตายผ่อนส่งทั้งคนปลูก-คนกิน!

ผลที่ตามมาเมื่อวาน (๒๒ ตค.๖๒) ก็เป็นตามที่รัฐมนตรีสาธารณสุข “อนุทิน ชาญวีระกูล” โพสต์fb
Anutin Charnvirakul
เชียร์ลีดเดอร์ของกระทรวงสาธารณสุข
มติที่ประชุม มีผู้เข้าประชุม 26 ท่าน
1. พาราควอท
-แบน 21 จำกัดการใช้ 5
2. ครอร์ไพริฟอส
-แบน 22 จำกัดการใช้ 4
3.ไกลโฟเซต
-แบน 19 จำกัดการใช้ 7
ขอกราบขอบพระคุณและน้อมคารวะต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย เฉพาะผู้ที่ลงมติแบนการใช้สารพิษด้วย จิตสำนึกที่รักและห่วงใยในคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน
ประวัติศาสตร์จะจารึกวีรกรรมที่ท่านทำเพื่อแผ่นดินเกิดในวันนี้เยี่ยงวีรบุรุษของชาติ
ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ประเทศของเรายังมีข้าราชการและนักวิชาการที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมหลงเหลืออยู่ในบ้านของเรา
ก็อย่าลืมให้เครดิตรัฐมนตรีสวยดุที่ชื่อ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” รมช.เกษตรฯด้วยละกัน
เห็นเธอจริงจังกับเรื่องนี้ เมื่อสำเร็จ ก็ต้องติดโบว์ให้ท่านด้วย

แวะเรื่องานไทยโพสต์เมื่อ ๒๑ ตุลา.นิด แฟนมารอแต่เช้า นึกว่ารอผม เปล่าหรอก รอสบู่ “มาดามเฮง”
ขอบคุณ “ดวงใจสมุทร” แม่กลอง ส่งอาหารมาเลี้ยงได้ทั้งกองทัพ และจำไม่ไหว ใครต่อใคร นำอาหารมาตั้งร้านมากมาย กินกันชนิดตายไปข้าง
ผู้อ่านไทยโพสต์ “คุณกมลมาศ จิวะธนะพร” โอนมา ๑ หมื่น ผมถวายบูชาธรรมพระอาจารย์เรียบร้อยแล้วครับ
ของพี่หมอเดชา สุขารมณ์ และอีกหลายท่าน รับมาก็ยัดใส่กระเป๋าไว้ ควักรวมบูชาธรรมไปด้วยกัน ขอท่านทั้งหลายจงอนุโมทนาเถิด

ก็ขอบคุณในน้ำใจไมตรี ๗ พรรคฝ่ายค้าน ท่านอาจารย์วันนอร์ นำคณะมากล่าวคำพร

ชอบใจที่คุณนิคม บุญวิเศษ พลังปวงชนไทย นำสมุนไพร ND ที่ร่ำลือมาให้ด้วย เพื่อ “ล้างโรค” ในตัวผม
ขอบคุณคุณสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เพื่อชาติ คุยธุรกิจการค้าในมุมน่าสนใจให้ฟัง

ขอบคุณคุณชัยธวัช ตุลาธน อนาคตใหม่ จำได้ตั้งแต่สมัยเป็นเลขาฯสนนท.

และดอกเตอร์อีกท่านจากเพื่อไทย กราบขอโทษจริงๆ คุ้นหน้า แต่จำชื่อไม่ได้

ท่านรัฐมนตรีถาวร เสนเนียม ข้าวต้มผัดบ้านท่านที่หาดใหญ่ อร่อยร่ำลือ เคยไปเคาะประตูขอชิม วานซืนท่านยังปลีกเวลามา

ดีใจที่ “อดีตนายกฯอภิสิทธิ์” กับคุณกรณ์ จาติกวณิช ไม่ทิ้งไทยโพสต์ มาให้ได้ชื่นใจและร่วมวงคุยกับรัฐมนตรีอนุทิน

ที่มาก่อน ก่อนผมมาถึงด้วยซ้ำคือ “ลุงกำนันสุเทพ” แต่ที่มาด้วยของถูกใจ เป็นจาน”หมูทอด” ของมาดามเดีย “วทันยา วงษ์โอภาสี”
เจ็บใจก็ตรง “วางปุ๊บ-หมดปั๊บ”
หายทั้งเนื้อ-ทั้งจาน ก็อยากบอก”ขอจานด้วยละกัน” วานอย่าขอคืนเลย!

Written By
More from plew
“พูดแล้วทำ” กับ “ตู่ทำต่อ” – เปลว สีเงิน
ต่อแรก ในตลาดเลือกตั้งปีนี้ พรรคไหนจะแลนด์สไลด์ได้ พรรคนั้น ต้อง "ตีหนู" ที่เป็น "ก้างขวางคอ" ให้ตายคารูก่อน
Read More
0 replies on “เลิกเชื่อแล้วจะพบความจริง”