ผักกาดหอม
วิบากกรรม….
“หมอเหวง” เพิ่งฝ่าสายฝนออกจากคุก ได้ ๒ วัน
วานนี้กระเตง “ป้าธิดา” ไปเป็นเพื่อน ขึ้นศาล
สืบพยานคดีชุมนุมปี ๒๕๕๒ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
๑๑ ปีแล้วซินะ ยังเวียนอยู่กับคุก
และศาล
ก็…ไม่ใช่หมอเหวงคนเดียว ที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้
แกนนำม็อบเสื้อแดง นปช. พันธมิตร กปปส. ต่างก็ยังต้องวนเวียน รับผิดชอบทางกฎหมาย จากการจัดชุมนุมซึ่งเป็นผลพวงจากระบอบทักษิณล้วนๆ
เกริ่นให้เห็นเป็นน้ำจิ้ม
เพราะการชุมนุมทางการเมืองทั่วโลกก็เป็นแบบนี้
ไม่ว่าจะประเทศประชาธิปไตยจ๋า หรือเผด็จการเข้มงวดในฝั่งคอมมิวนิสต์ แกนนำผู้ชุมนุม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น
สดๆ ร้อนๆ อเมริกาต้นตำรับที่โหยหา “วิลเลียม บาร์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยัวะที่การชุมนุมเป็นต้นเหตุให้โควิดระบาดหนัก
ส่งสัญญาณไปยังอัยการท้องถิ่นและรัฐ ให้ตั้งข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุม เป็นข้อหากบฎล้มล้างรัฐบาลโดนัลด์ ทรัปม์
นั่นคือวิธีการจัดการที่รัฐบาลอเมริกาใช้กับการชุมนุมก่อความไม่สงบในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ
ไม่บ่อยที่จะมีการตั้งข้อหากบฎ!
เพราะเป็นข้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับอเมริกัน
จากกรณี “จอร์จ ฟลอยด์” ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา อัยการของรัฐบาลกลางได้สั่งฟ้องคดีมากกว่า ๒๐๐ คดี
ย้อนไปปี ๒๕๕๓ รัฐบาลกลางเคยตั้งข้อหากับสมาชิกอาสาสมัครชาวคริสเตียนที่เรียกว่า “ฮุทาเรส” เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการปลุกระดม
ปี ๒๔๗๓ อัยการของรัฐบาลกลางประสบความสำเร็จในการใช้กฎหมายเดียวกันนี้ต่อต้านผู้แบ่งแยกดินแดนเปอร์โตริโก
ก็เป็นตัวอย่างให้เห็น เส้นทางการชุมนุมกับการที่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายนั้นเป็นของคู่กัน
แต่อย่ากลัว…
๑๙ กันยายนนี้ เมื่อมีความประสงค์จะไปชุมนุม ก็ต้องไปใช้สิทธิเสรีภาพ แสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย
ตราบที่ไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ยากที่จะตกเป็นผู้ต้องหา
และโปรดเข้าใจให้ถ่องแท้
ไม่มีใครกลั่นแกล้งใคร
เพราะที่ผ่านมาโดนตั้งข้อหากันถ้วนหน้า ทุกสี ทุกฝ่าย
วันนี้ “หมอเหวง” ในวัยชรา ถึงต้องใช้เวลาที่เหลือของชีวิตขึ้นโรงขึ้นศาลกันต่อไป
โชคร้ายอาจเจอคุกซ้ำ!
สุเทพ เทือกสุบรรณ
สุริยะใส กตะศิลา
จตุพร พรหมพันธุ์
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฯลฯ
ทุกคนวนเวียนเข้าออกศาล บางคน เข้าคุกซ้ำสอง ก็เป็นความรับผิดชอบตามกฎหมาย
เอาหละ…มาว่ากันเรื่องชุมนุมวันนี้
ใครอยู่ตรงไหนบ้าง?
อย่าคิดว่า “ศรีสุวรรณ จรรยา” บ้าๆ บอๆ เป็นนักร้องเบอร์ ๑ ไร้น้ำยา ร้องเป็นพันเอาผิดไม่ได้สักเรื่อง ลองย้อนกลับไปดู
ยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็ตั้งต้นมาจาก “ศรีสุวรรณ”
คราวนี้….มีข้อความจาก “ศรีสุวรรณ” ไปถึง ๖ พรรคฝ่ายค้าน
“…๖ พรรคฝ่ายค้านประกาศหนุนม็อบ ๑๙ ก.ย. ระวังจะเข้าข่ายผิดตามม.๙๒(๒)พรป.พรรคการเมือง ๖๐ โทษถึงขั้นยุบพรรคเลยนะครับ”
พรรคการเมืองตามมาตรานี้ เป็นการถูกยุบพรรคการเมือง…
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตร ๙๒(๒) บัญญัติเอาไว้ว่า
“..เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(๒) กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข…”
๖ พรรคฝ่ายค้านสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้จริงหรือไม่ อย่างไร
พรรคก้าวไกล ไปไกลจริงๆ เพราะเป็นมากกว่าเป็นผู้สนับสนุน
เป็นทั้งผู้เคลื่อนไหวร่วม
ช่วยประกันตัว
อำนวยความสะดวก สำรวจเส้นทางการเคลื่อนผู้ชุมนุมจากธรรมศาสตร์ ไปทำเนียบรัฐบาล
ละเอียดยิบ กว่า ๑ หมื่นก้าว ถึงทำเนียบรัฐบาลภายในเวลา ๒ ชั่วโมง
และที่เห็นพ้องต้องกันทั้ง ๖ พรรค แถลงโดย “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ผู้นำฝ่ายค้าน แม้จะมีการป้องกันตัวเอง หากความฉิบหายมาเยือน
แต่สุดท้ายอาจปัดความรับผิดชอบมิได้!
พรรคร่วมฝ่ายค้านพยายามเน้นว่าการแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้
ก็แน่นอนถ้าถูกต้องใครจะไปทำอะไรได้
แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็รับรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
มีการแสดงความเป็นห่วงในเรื่องอะไรบ้าง
พรรคฝ่ายค้านจึงออกแถลงการณ์หลบเลี่ยง เน้นไปที่ข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ในขณะที่ข้อเรียกร้องของม็อบปลดแอกนั้น มี ๓ ข้อ กับ ๑ ความฝัน
….๑.รัฐบาลต้อง “หยุดคุกคามประชาชน” ที่ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย
๒.รัฐบาลต้อง “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง
๓.รัฐบาลต้อง “ยุบสภา” เพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนของตนได้อีกครั้ง โดยตั้งอยู่บน ๒ หลักการที่ว่า จะต้องไม่มีการรัฐประหารและการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
ภายใต้ ๑ ความฝันคือ การมี “ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” อย่างแท้จริง…
ใน ๓ ข้อ มีสิ่งที่ขาดหายไปในแถลงการณ์ของฝ่ายค้าน นั่นคือ ยุบสภา ซึ่งพอเข้าใจได้ เพราะถ้ายุบสภารัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้แก้
แต่ ๑ ความฝัน ที่มุ่งไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์นี่ซิ ฝ่ายค้านขอยืนดูเฉยๆ ให้เด็กเล่นแทน
และมันประหลาดตรงที่ ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านและรัฐบาล เข้าไปอยู่ในสภาแล้ว จะพิจารณาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
จะตั้งส.ส.ร. กันอยู่แล้ว
ทำไมม็อบปลดแอกถึงยังนำมาเป็นเงื่อนไขในการจัดชุมนุมใหญ่ และพรรคฝ่ายค้านก็ยังสนับสนุนให้มีการชุมนุม
ทีนี้มาดูว่าผู้ปราศรัยหลักในการชุมนุมครั้งนี้มาใครบ้าง
ที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย
๑. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง
๒. ทนายอานนท์ นำภา
๓. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง
๔. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน
๕. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน
พรรคฝ่ายค้านรับรู้มาตลอดแล้วใช่หรือไม่ว่า ทั้ง ๕ คนเน้นปราศรัยประเด็นอะไร
ห้ามคุกคามประชาชนหรือ
ใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเปล่า
หรือว่าให้ยุบสภา
ทั้ง ๓ ประเด็นเป็นแค่เครื่องเคียง
ขณะที่ประเด็นหลักคือ ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
๖ พรรคฝ่ายค้านฟังดีๆ
๑๐ สิงหาคม ที่ผ่านมา เวทีปราศรัยที่ธรรมศาสตร์รังสิต “เพนกวิน-อานนท์” พ่นเต็มเหนี่ยว!
๑๖ สิงหาคม เวทีปราศรัยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แกนนำบางคนไม่ได้ขึ้นเวที เพราะศาลเพิ่งให้ประกันตัว และมีเงื่อนไขต้องไม่ทำผิดซ้ำในข้อหาเดิม
แต่…แท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากเกรงจะมีการวิจารณ์สถาบันจนเลยเถิดและคุมไม่อยู่ แกนนำบางคนจึงถูกขอร้องว่าอย่าขึ้นเวที
มาวันนี้ (๑๙ กันยายน) “เพนกวิน-อานนท์” ประกาศมาหลายวันแล้ว จะปราศรัยแบบเบิ้มๆ
เบิ้มเรื่องอะไร ไม่ต้องเดา เพราะเผาหัวมานาน และ ๖ พรรคฝ่ายค้านก็รู้ดี
อีกทีนะ…พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตร ๙๒(๒) บัญญัติว่า
“..เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(๒) กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข…”
จะเข้าข่ายหรือเปล่าไม่รู้ แต่มีคนร้องแน่
ถ้าอยากลองดี ก็ลองดู.