ไม่อยากให้เครียด……
และบีบรัดตัวเองจนแทบกระดิกตัวไปทางไหนไม่ได้กันอย่างนั้นเลยครับ!
กรณี ประเทศเราให้เกียรติ “บุคคลคณะทูต” ด้วย “อภิสิทธิ์ทางการทูต” ในการเข้าประเทศแต่ “บางคน-บางคณะ” ใช้เกียรติที่เราให้ไปในทางไม่ตอบสนองเกียรติ ตามกติกา
ดังกรณี “ทหารอียิปต์” ที่ระยอง และ “ครอบครัวทูตซูดาน” ในกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท นั้น
เมื่อใคร่ครวญตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบทุกขั้นตอนแล้ว ก็ค่อยโล่งใจ และอยากบอกท่านทั้งหลาย ว่า
๑.สบายใจได้ ความน่าจะเป็นในทางระบาด จาก ๒ จุดนี้ มีเปอร์เซ็นต์ “น้อยมาก”
๒.เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ได้หย่อนมาตรการตามที่มีบางเสียงตำหนิแต่อย่างใด
๓.ไม่ใช่รัฐบาล กองทัพ กระทรวงต่างประเทศ “๒ มาตรฐาน” หากแต่ “อภิสิทธิ์ทางการทูต” นั้น เป็นไปตามมาตรา ๙ ของพรก.ฉุกเฉิน
๔.พรก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เพิ่งออก หากแต่ออกมาตั้งแต่ปี พศ.๒๕๔๘ แล้ว
๕.พลันที่ทราบ ผู้ติดเชื้อ ๒ ราย ปฏิบัติตัวนอกกรอบ ทุกฝ่าย “เจ้าหน้าที่-ห้างร้าน-โรงแรม-คอนโดฯ” ทั้งประชาชน ตื่นตัว ร่วมมือ “ตรวจสอบ-ป้องกัน” ครัดเคร่ง ฉับพลัน และเข้มแข็ง
๖.ข้อนี้สำคัญ……
-พลเอกประยุทธ์ ยืดอก…….
“ผมเสียใจ ขอโทษประชาชนคนไทยด้วย”
“เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เกิดจากความไม่เคารพกติกา ไม่มีวินัย ไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม และมีการโทษกันไปมา ผม…ในฐานะ ผอ.ศบค.ขอรับผิดชอบในเรื่องนี้
เรื่องดังกล่าว…….
ถือเป็นการฝ่าฝืน มอบกระทรวงต่างประเทศไปหารือกับสถานทูตแล้ว ตอนนี้ ให้ระงับเที่ยวบินไม่ให้เข้ามาอีกจนกว่าแก้ปัญหาได้”
-นพ.ทวีศิลป์ โฆษกศบค.พนมมือจรดหน้าผาก
“ผมต้องขออภัยที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน เนื่องจากข้อมูลจำเป็นต้องทวนสอบ ผมเสียใจกับคำพูดที่ว่า “เจ้าหน้าที่การ์ดตกเสียเอง”
“เราเสียใจเป็นอย่างยิ่ง……..
และเราจะทำให้ดีที่สุด เพราะในนามศบค.ปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่ ที่ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ
ศบค.ไม่สบายใจ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง”
สรุป ………
-นายกฯขอโทษประชาชน และขอรับผิดชอบทั้งหมด
-โฆษกศบค.ขอโทษ ไม่ปฏิเสธในความรับผิดชอบทั้งหมด!
อืมมมมม…..
คนเรา จะใหญ่-จะเล็ก, จะได้-จะเสีย มันอยู่ตรงนี้ ตรง “หัวใจ” นักเลงพอ นี่แหละ
เมื่อนายกฯ และโฆษกศบค.เอ่ยคำ “ขอโทษ” และขอ “รับผิดชอบ”ทั้งหมด เช่นนี้
ก็จบครับ!
จบเรื่องเศษอารมณ์ ในทางเบี่ยงประเด็น เค้นเรื่อง มาหยุมหยิม-ตอแย
เว้นแต่ใครตั้งธงกระทืบอยู่ในใจ ก็จะได้ทีขี่แพะไล่ ออกไป..ออกไป พวกกู (อดอยาก) จะตายห่ะอยู่แล้ว ขอเป็นมั่ง!
ที่ผมบอกให้สบายใจ เปอร์เซ็นต์ระบาดมีน้อย เพราะจากกล้องวงจรปิดในห้างที่ระยอง
ทหารอียิปต์ “สวมหน้ากากอนามัย” และเพียงเดินเล่นในห้าง ไม่ได้ซื้อของ นั่นหมายถึงว่า การแตะสัมผัสใกล้ชิดไม่มี
การเข้าพักโรงแรม ก็มาตอนค่ำมากๆ จนถึงดึก ซึ่งก็เข้าห้องเลย การใกล้ชิดพนักงานจึงมีน้อย
ที่สำคัญที่สุด ทำให้คลายใจ คือ
ทั้งพนักงานโรงแรม พนักงานห้าง รวมถึงประชาชนทั่วไป เคร่งครัดในมาตรการ “สวมหน้ากากอนามัย” กันตลอดเวลาอยู่แล้ว
นั่นเท่ากับ “ป้องกัน” การรับเชื้ออย่างดี ที่ไทยเรารอดโควิดถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ “สวมหน้ากากอนามัย” เคร่งครัดกันแต่แรกนั่นแหละ
พูดแล้ว ต้องขอบคุณ PM 2.5 ที่ช่วยมาเป็นสัญญานเตือนให้สวมหน้ากากกันล่วงหน้าเป็นเดือน!
และครอบครัวทูตซูดาน ที่กรุงเทพฯนั้น ตามที่เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคไปสอบพิสูจน์ถึงคอนโดฯ
ได้ความชัดว่า นอกจากขึ้น-ลงแล้ว ผู้มีเชื้อโควิด แทบไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลย
และกรมควบคุมโรคระบุ เจ้าหน้าที่คอนโดฯเคร่งครัดมาตรการเป็นที่น่าพอใจ
ประมวลความแล้ว ก็อย่างที่บอก “ระแวง-ระวัง” ได้ แต่ไม่ต้องเครียดและวิตกจนบีบรัดตัวเองกระดิกไปทางไหนไม่ได้
โดยเฉพาะที่ระยอง……..
สิ่งแรก “ต้องชม” คือ ชาวบ้าน-ชาวเมือง ตื่นตัว-เคร่งครัดในมาตรการป้องกันดีมาก
แต่ที่ “ดีมาก” นั้น มากจนถึงขั้นทำร้ายวงจรชีวิต ธุรกิจ การทำมาหากินของชาวบ้าน ร้านค้า โรงแรม-โรงเรียน ปิดหมด
อะไรๆ ก็ “ยกเลิก”หมด
ที่เคยค้าได้-ขายได้ ผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อน ท่องเที่ยว, จับจ่าย ก็ “หายจ้อย”!
เห็นใจพี่น้องระยองจริงๆ ยิ่งพูดกันว่า อาจย้อนกลับไปสู่มาตรการ “ปิดเมือง” กันอีก ทำให้ผวา-หวั่นไหวกันไปทั่ว
ก็อยากบอกอย่างที่ใจอยากเหมือนกันว่า กรณีนี้ ที่ระยอง ไม่น่าวิตก ถึงขั้นกลัวจน “ไม่ไป-ไม่กิน-ไม่เที่ยว” ขนาดนั้น
แต่นั่นแหละ จะคลายกลัว ก็ต่อเมื่อผ่าน ๑๔ วัน ทราบผลการกักตัวพนักงานห้างและโรงแรมว่า “มี-ไม่มี” ก่อนเท่านั้น
ประเด็นที่หมอทวีศิลป์พูดว่า “ขออภัยที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน เสียใจกับคำพูดที่ว่า “เจ้าหน้าที่การ์ดตกเสียเอง” นั้น
ท่านขออภัย ก็สืบเนื่องจากแถลงวันแรก….
คือตอนนั้น แถลงจากข้อมูลเบื้องต้น เมื่อมีเหตุเกิด ด้วยตรรกะ จะโทษใครล่ะ
ก็เจ้าหน้าที่นั่นแหละ “การ์ดตก” ถ้าไม่ตก มันจะเกิดหรือ?
ต่อเมื่อมีการลงไปสืบเหตุ จึงทราบ……
ก็อย่างที่เห็นตามคลิปในโซเชียล ขนาดเจ้าหน้าที่ไปขอตรวจถึงห้อง แทนที่ทหารอียิปต์จะสำนึกภาวะ และให้ร่วมมือ
กลับ “กร่าง”…….
เรียกว่า แขกมีมรรยาทไม่คู่ควรกับเกียรติที่เจ้าบ้านมอบให้ในฐานะบุคคลจากหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ
นายกฯ จึงได้พูดว่า……….
“เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เกิดจากความไม่เคารพกติกา
ถือเป็นการฝ่าฝืน มอบกระทรวงต่างประเทศไปหารือกับสถานทูตแล้ว ตอนนี้ ให้ระงับเที่ยวบินไม่ให้เข้ามาอีกจนกว่าแก้ปัญหาได้”
คือมันไม่ใช่เรื่อง ๒ มาตรฐาน หากแต่เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายกับตัวแทนประเทศ
เมื่อตัวแทนประเทศไม่เคารพกติกา มันไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลหรือของเจ้าหน้าที่โดยตรงก็จริง แต่นายกฯ ท่านไม่โยนไปไหน รับเสียงตำหนิ ก่นด่าไว้เอง และขอโทษ
ขณะเดียวกัน จากกรณีนี้ ทำให้ศบค.เห็น “ช่องว่าง” ในมาตรการ ซึ่งแน่นอน มันมีอีกเยอะ แต่ที่เห็นแล้วตอนนี้ ก็ตรงนี้ ศบค.บอกจะนำไปปรับ แก้ไขต่อไป
ฉับพลัน-เฉพาะหน้า แก้ไขทันที-ทันใด ก็ดังนี้
-ทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะ คู่สมรส บิดามารดาหรือบุตร
-ให้กระทรวงต่างประเทศยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ที่ได้อนุญาตไปแล้ว ๘ เที่ยวบิน
-ให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในไทยแบบผ่อนคลายมาตรการ State Quatantine ทบทวนให้รัดกุมก่อน จึงจะดำเนินการต่อไป
แบบนี้ ก็น่าชื่นใจ……..
ผิด-ไม่ผิด รู้อยู่กับใจตามหน้าที่ แต่การรีบแก้ไข ไม่เถียงเจ้าของประเทศคือประชาชน ทั้งไม่ปิดบังข้อมูล บอกให้รับรู้-รับทราบทันใด ทั้งขอโทษ-ขออภัย
สมจริงตามที่นายกฯพูด “ทำงานยึดประชาชน” เป็นศูนย์กลาง!
เอาหละ กรณีทหารอียิปต์กับลูกทูต หวาดผวาว่านำโควิดมาระบาด ผมมีข้อมูลแถมท้าย น่าผวากว่าหรือไม่ โปรดพิจารณา
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลง
หลังผ่อนปรนมาตร มีแรงงาน ชาวกัมพูชา ลาว พม่าลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่ ๑๕ มิย.
จับกุมแล้วกว่า ๓,๐๐๐ คน เข้ามาในลักษณะกองทัพมด โดยมีขบวนการนำพาเข้าพื้นที่ชั้นใน
ตรวจหาเชื้อโควิดแล้ว “ไม่พบ” ผลักดันออกนอกประเทศไปหมดแล้ว
ครับ ๓ พันที่จับได้ ………
แต่ที่เดินเฉียดไหล่อยู่ในกทม.ตอนนี้เท่าไหร่ ไม่ดัง เลยไม่มีใครสนใจโพสต์ไอจี.แซะรัฐบาล
ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ LineID:plewseengern.com หรือสแกนQR Code
