กลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ริเริ่มและพันธมิตรคนสำคัญของงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ได้นำเสนอภาพรวมการขับเคลื่อนความยั่งยืนที่จับต้องได้ ซึ่งไม่เพียงตอกย้ำบทบาทในการสร้าง ความมั่นคงทางพลังงาน ของประเทศเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการผนวกกลยุทธ์ด้าน Sustainability เข้าเป็นแกนหลักของทุกธุรกิจ
โดยได้มัดรวมผลงานความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและกลยุทธ์ในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions ) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้ชมการบริหารจัดการที่ครอบคลุม 3 แนวทางหลัก ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (C1: Climate Resilience Business) พบกับนวัตกรรมที่ส่งเสริมการลงทุนในพลังงานสะอาดและธุรกิจคาร์บอนต่ำ เช่น EV Station Pluz ของ OR ที่รองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า, น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างยั่งยืน (SAF) โดย บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการบิน และเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงและผลิตภัณฑ์รักษ์โลก จาก บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) หรือ IRPC
2. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี (C2: Carbon-Conscious Asset) เรียนรู้แนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน ผ่านการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย Operational Excellence (MissionX) และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI (Axis), โครงการลดการรั่วไหลหรือการเผาก๊าซส่วนเกินทิ้งจาก บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท.สผ., การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, และเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) จาก บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GPSC
3. การผนึกกำลังและความร่วมมือเพื่อโลก (C3: Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All) ชมความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น เทคโนโลยี Carbon Capture and Storage (CCS) และการใช้เชื้อเพลิง Hydrogen, การเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีธรรมชาติผ่านโครงการปลูกและบำรุงรักษาป่า โดยใช้เทคโนโลยีสำรวจระยะไกล Varuna AI & Remote Sensing model จาก ปตท.สผ. และเครือ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงที่สะท้อนถึงการสร้างความแข็งแรงแก่สังคมไทยในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านโครงการ ชุมชนยิ้มได้ (ปตท.) และ ไทยเด็ด ของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR , เศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยโครงการ YOUเทิร์น (GC) และผลิตภัณฑ์ Wood Plastic Composite Products (IRPC), ไปจนถึงการส่งเสริมการเข้าถึงพลังงานและการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของ ปตท. ในงาน SX คือการ สร้างความตระหนักรู้ และการเรียนรู้ให้กับสาธารณชน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า บริษัทขนาดใหญ่จะสามารถลดเป้า Net Zero และดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรจัดงานนี้ ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล ซึ่งงาน SX2025 ไม่ได้เป็นเพียงการรวมตัวขององค์กรชั้นนำ แต่เป็นพื้นที่ให้คนทุกกลุ่ม ทุกวัย ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
“ด้วย กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมแนวคิด ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมกันลงมือทำ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม” ดร.คงกระพัน กล่าว
ปตท. ชี้ให้เห็นว่าภารกิจหลักในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานต้องมาพร้อมกับความยั่งยืน นั่นคือ พลังงานต้อง หาได้ง่าย (Available), ราคาเข้าถึงได้ (Affordable) และ สะอาด (Sustainable) โดย ปตท. ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่มีความมั่นคงสูงของประเทศ ควบคู่ไปกับการริเริ่มแผนลดคาร์บอนอย่างจริงจัง และที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินโครงการปลูกป่ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย ล้านไร่ เพื่อเป็นวิธีการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
“แผนงานต่อไป จะทุ่มลงทุนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero แม้การปลูกป่าจะเป็นส่วนสำคัญ แต่ ปตท. ตระหนักดีว่าต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเสริมเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น แผนงานในอนาคตจึงมุ่งเน้นที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม กลุ่ม ปตท. ได้ประกาศเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทะเยอทะยาน คือการลดลง 15% ภายในปี 2035 และมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยมีการเปิดตัว “NEZO” Mascot ตัวแทนภารกิจ Net Zero เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการขับเคลื่อนนี้ด้วย” ดร.คงกระพัน กล่าว
