ผักกาดหอม
เห็นปรากฏการณ์ร่วมกันตีกาสิโนแล้วขนลุกครับ…
วานนี้ (๒๓ เมษายน) มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา มีประเด็นน่าสนใจเพียบครับ
มองในมิติการทำงานของวุฒิสภา นับเป็นความกระตือรือร้น เพราะการเกิดกาสิโนในประเทศไทย จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงข้อดีข้อเสีย
ต้องชั่งน้ำหนักว่า อย่างไหนดีกว่ากัน
วุฒิสภาจะช่วยกรองว่าทำอย่างไรให้กฎหมายกาสิโนเกิดประโยชน์มากที่สุด
หรือหากมีแต่ปัญหาก็เสนอว่ารัฐบาลต้องทำอย่างไร
อีกมิติหนึ่ง ก่อนนี้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าคัดค้านการมีกาสิโนในประเทศไทย เพราะเห็นว่าจะนำมาซึ่งปัญหาอื่นอีกมากมาย
และสมาชิกวุฒิสภากลุ่มนี้ถูกเรียกว่า สว.สีน้ำเงิน
ผูกโยงไปถึง พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล
และเมื่อดูรายชื่อกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้แล้ว เสียงวิจารณ์ในสื่อโซเชียลลุกเป็นไฟ
โดยเฉพาะ ๔ กรรมาธิการที่เป็นคนนอก
จรัญ ภักดีธนากุล
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
แก้วสรร อติโพธิ
และคำนูณ สิทธิสมาน
เห็นว่าตั้งฉายากันแล้ว “สี่จตุรเทพต้านบ่อน”
พรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ระหองระแหงประเด็นกาสิโนมาอยู่พักหนึ่ง แม้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นร่างกฎหมายของรัฐบาลก็ตาม
หมายความว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นด้วย แต่สุดท้าย พ่อนายกฯ ต้องส่งโพยให้นายกฯ สั่งถอย หลักๆ ก็เพราะกระแสต่อต้านจากทั่วสารทิศ
โดยเฉพาะจากวุฒิสภา และบ้านใหญ่บุรีรัมย์
ร่างกฎหมายกาสิโนจึงเป็นระเบิดเวลา ที่พรรคภูมิใจไทยจะเป็นผู้จุดชนวน
ยิ่งเห็นรูปร่างหน้าตาของกรรมาธิการวิสามัญ ของวุฒิสภาก็ยิ่งชัดเจนว่า โอกาสเกิดกาสิโนในประเทศไทยนั้นไม่ง่าย
นั่นเป็นเรื่องการเมืองและการตรวจสอบ
ไปดูข้อมูลเชิงวิชาการกันบ้าง
บางท่อนบางตอนในวิทยานิพนธ์เรื่อง ผลกระทบของการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยของ “ปัณณธร เรืองศรี” ที่รัฐบาลบอกว่าอยากได้ข้อมูลมากกว่าการชุมนุมประท้วง ควรไปดูฉบับเต็มแล้วศึกษาเสียว่าควรหรือไม่ควรเดินหน้ากาสิโน
“…แต่กระนั้นแล้วแม้ว่าการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในหลายประเทศจะมีกระบวนการควบคุม บริหารจัดการและคัดกรองนักเล่นการพนันได้ดีเท่าใดก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอเคียงคู่กับบ่อนกาสิโน นั่นคือ ปัญหาอาชญากรรมในหลากหลายรูปแบบที่ตามมา
โดยตัวอย่างของปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามมากับบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย มีในหลายกรณีศึกษา เช่น ปัญหาการเกิด Street Crime ในพื้นที่ใกล้เคียงบ่อนกาสิโนในหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ประเทศแถบยุโรป และมาเก๊า เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีปัญหาการฟอกเงิน ที่เกิดขึ้นจากนักลงทุนที่มีเงินสกปรกนำไปฟอกยังบ่อนกาสิโนในประเทศลาวและประเทศกัมพูชาอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น อีกทั้งปัญหาซ่องโสเภณีและการค้ามนุษย์ในย่านบ่อนกาสิโนในฮ่องกง กัมพูชา ลาว และพม่า
นั่นยังรวมไปถึงปัญหายาเสพติดที่เกิดในบริเวณบ่อนกาสิโนตามแนวชายแดนประเทศไทย ทั้งปัญหาการเสพ การค้า รวมถึงบีบบังคับให้นักเล่นที่หมดเนื้อหมดตัวต้องทำงานแลกกับอิสรภาพ งานที่ว่านั้นก็คือ การเป็นกองทัพมดลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านจุดตรวจด่านต่างๆ บริเวณตามแนวชายแดนนั่นเอง
ซึ่งจากที่กล่าวมานั้นก็พอจะแสดงให้เห็นได้ว่า บ่อนกาสิโนถูกกฎหมายนั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียว แต่ก็กลับมีข้อเสียที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นปัญหาของสังคมตามมาด้วย
เพราะฉะนั้นหากจะคิดเปิดบ่อนถูกกฎหมายนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมองให้ยาวไปกว่าแค่บ่อน มองไปถึงผลกระทบเชิงลบที่จะตามมาว่าจะต้องมีมาตรการอย่างไรจึงจะสามารถป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต…”
“…ศึกษาทบทวนการจัดการปัญหาการพนันและผลกระทบทางสังคมในต่างประเทศ โดย ไพศาล ลิ้มสถิต (๒๕๕๕)
การศึกษาการจัดการปัญหาการพนันและผลกระทบทางสังคมในต่างประเทศรวม ๔ ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ร่วมกับอีก ๑ เขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ซึ่งจากการศึกษาครั้งนี้ได้ผลการศึกษา ดังนี้
กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เปิดให้มีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐ ถึงช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ มีเหตุผลสำคัญเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศเหล่านั้นหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
ในทางตรงกันข้ามในกลุ่มประเทศที่เปิดเสรีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายยุคหลังอย่างเช่น สิงคโปร์และฮ่องกง แม้ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่บ่อนกาสิโนถูกกฎหมายกลับไม่สามารถแก้ปัญหาการพนันในประเทศทั้งสองนี้ได้เท่าใดนัก
ในต่างประเทศกลุ่มประเทศที่เปิดเสรีกาสิโนถูกกฎหมาย มักเกิดปัญหาเกี่ยวกับการพนันในวงกว้าง เช่น โรคเสพติดการพนัน (ซึ่งถือเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งตามนิยามขององค์การอนามัยโลก) ปัญหาครอบครัว ปัญหาการหย่าร้าง ปัญหาหนี้สิน ปัญหาความขัดแย้งในชุมชน ปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชน เป็นต้น
การจัดทำนโยบายสาธารณะในปัจจุบันเกี่ยวกับปัญหาการพนันในหลายประเทศ มีการทำการศึกษาข้อมูลทางวิชาการมากขึ้น อย่างไรก็ดีในบางประเทศก็ยังไม่มีการศึกษาทางวิชาการอย่างมีระบบเท่าที่ควร การดำเนินการส่วนใหญ่จึงไม่มีรูปแบบตามหลักวิชาการที่เหมาะสมเท่าที่ควรจากหลากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรเอกชน
กล่าวโดยสรุป คือ การริเริ่มจัดทำนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพนันในแต่ละประเทศสำคัญมาก รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ผลกระทบในมิติต่างๆ ต่อสังคมในอนาคตอีกด้วย…”
รัฐบาลแพทองโพยอ้างแค่รายงานของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งไม่รอบด้านมาเป็นสารตั้งต้นในการผลักดันร่างกฎหมายกาสิโน
รายงานฉบับนี้พูดถึงข้อเสียของการพนันผิดกฎหมายในไทยและผลกระทบมากมาย แล้วตบท้ายว่าการมีกาสิโนจะแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้ โดยไม่มีการทำรายงานว่าหากมีกาสิโนแล้วจะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
มันคือรายงานฟอกกาสิโนจากดำให้กลายเป็นขาว
เมื่อเริ่มต้นก็โกหกประชาชนแล้ว หลังจากนี้จะเชื่อรัฐบาลได้อย่างไรว่าจะสามารถควบคุมกาสิโนไม่ให้เป็นบ่อเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
ฉะนั้นกาสิโนต้องไม่มีที่ยืนในประเทศไทยครับ.
