‘วัคซีนโควิด’ ที่เท่าเทียม เพื่ออนาคตที่ปลอดภัย

“สุขภาวะที่ดีสำหรับผู้ป่วยทุกคน เริ่มต้นด้วยการปกป้องพวกเขาอย่างเต็มที่ ผ่านการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม”

“สุขภาวะที่ดีสำหรับผู้ป่วยทุกคน เริ่มต้นด้วยการปกป้องพวกเขาอย่างเต็มที่ ผ่านการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม”

แต่ถึงกระนั้น นับตั้งแต่มีการประกาศให้โรคติดเชื้อโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น การใช้วัคซีนก็ไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ส่งผลให้การจัดสรรบริการวัคซีน ‘ไม่ฟรี’ เหมือนในอดีต

ทำให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง 608 ซึ่งหมายรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่

โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมทั้งสตรีมีครรภ์ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อปกป้องตนเอง และกลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีน

คำถามคือ ที่ว่าเสี่ยงนั้นมากขนาดไหน? ก็ถึงขนาดที่ว่า อัตราการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโควิด 19 เพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ ตั้งแต่ 2 – 5 เท่าตามกลุ่มโรค โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงต่อป่วยหนักหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนมากที่สุด ในช่วงที่มีการเปลี่ยนสายพันธุ์ของเชื้อ

และยิ่งในช่วงที่มีการเดินทาง ผู้คนหนาแน่น ไปมาหาสู่กันปลายปีเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่มีแนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากไม่เตรียมพร้อมรับมือ ไม่เพียงแค่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ยังกระทบต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เผชิญความยากลำบากไปด้วย

ชมรมกลุ่มโรคเรื้อรัง และประชาชนกลุ่มเสี่ยง เข้ายื่นหนังสือต่อ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์

กลุ่มตัวแทนชมรมกลุ่มโรคเรื้อรัง และประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้เล็งเห็นความสำคัญ และความเร่งด่วน ในเรื่องการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทั้งต่อการรับรู้ข่าวสุขภาพ และการป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 จึงได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้พิจารณาข้อเรียกร้องสำคัญ ได้แก่

• ป้องกัน “ข่าวปลอม” ในยุคที่ปัจจุบันการไหลผ่านของข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และยากต่อการควบคุม โดยเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนให้ความรู้เรื่องโรคโควิด-19 ต่อสังคมอย่างถูกต้อง ผ่านช่องทางที่ตรวจสอบและอ้างอิงจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้

• สนับสนุนช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข หรือแพลตฟอร์มและประกาศข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ที่มีการจัดการโดยภาครัฐ หรือสภาวิชาชีพการแพทย์

• ที่สำคัญคือ เสนอให้ภาครัฐให้ความสำคัญในการเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโควิด 19 ด้วยวัคซีนในกลุ่มเปราะบาง 608 โดยให้กับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือน เป็นไปตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย

นอกจากนี้แล้ว ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมเปิดเวทีเสวนาเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถกประเด็นผลกระทบของโรคและความจำเป็นในการดูแลป้องกันสำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง ตอกย้ำถึงความรุนแรงของเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงสูง

ที่ไม่เพียงแต่เมื่อติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงขึ้น แต่ยังส่งผลต่อภาวะโรคที่คนไข้เป็นอยู่เนื่องจากเชื้อสามารถแพร่ไปได้ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น

พร้อมเน้นย้ำว่ากลุ่ม 608 ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะถ้าเคยฉีดวัคซีนเข็มก่อนหน้ามาเกิน 1 ปี หรือติดเชื้อครั้งสุดท้ายมานานกว่า 3-6 เดือน และไม่ขึ้นกับว่าเคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาแล้วจำนวนเท่าใด

อีกทั้งให้ความมั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 มีความปลอดภัยและเสี่ยงน้อยกว่าป่วยเป็นโควิด และหากชั่งน้ำหนักแล้วประโยชน์ที่ได้รับจากวัคซีนมีมากกว่าโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงซึ่งแทบจะเทียบกันไม่ได้

เวทีเสวนาเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถกประเด็นผลกระทบของโรคและความจำเป็นในการดูแลป้องกันสำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง

ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับคือ เรามีโอกาสเผชิญกับโรคอุบัติใหม่ได้ตลอดเวลา และโควิด19 มีการกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ที่เคยฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อไปนานแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง อาจไม่สามารถป้องกันโรคได้

กลุ่มผู้เปราะบางและมีความเสี่ยงสูงจึงมีความจำเป็นที่ต้องรับ ‘วัคซีนเข็มกระตุ้น’ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตประมาณ 60-70% แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัคซีนในการลดภาระโรคที่จะเกิดกับคนไข้กลุ่มนี้

อีกทั้งลดภาระของระบบสาธารณสุข ขณะกลุ่มเสี่ยงก็พร้อมหากได้รับโอกาส สะท้อนจากผลสำรวจโดยเครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพหนึ่งเดียวแห่งประเทศไทย หรือ THOHUN (Thailand One Health University Network) ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 1 ใน 3 (39%) มีความต้องการที่จะเข้ารับวัคซีนโควิด-19 หากมีบริการฟรีให้แก่ประชาชน

ปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงในแถบเอเชีย อาทิ ไต้หวันและสิงคโปร์ ยังคงแนะนำให้ประชากร โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง รับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต ทั้งยังจัดหาวัคซีนให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดฟรี

เช่นเดียวกับที่สหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป รวมไปถึงอังกฤษ ที่มีคำแนะนำให้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หากได้รับเข็มสุดท้าย หรือติดเชื้อมานานกว่า 3 เดือน โดยรัฐดำเนินการจัดหาให้ฉีดฟรีเช่นกัน

สำหรับประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ได้ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่ม 608 โดยแนะนำเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะถ้าเคยฉีดวัคซีนเข็มก่อนหน้ามาเกิน 1 ปี หรือติดเชื้อครั้งสุดท้ายมานานกว่า 3-6 เดือน

ดังนั้น ‘จะปลอดภัย เมื่อเปลี่ยนแปลง’ และการเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งจำเป็น เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

Written By
More from pp
อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมกับ สสส. จัดเวทีสาธารณะ โชว์พลังศาสตร์และศิลป์ สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ทางสังคม พื้นที่สุขภาวะ สำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะเยาวชนไทย
Imagine Thailand Movement โดย ดร. อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทางสังคม (ประเทศไทย)  ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม “เวทีสาธารณะ พื้นที่สร้างสรรค์ทางสังคม...
Read More
0 replies on “‘วัคซีนโควิด’ ที่เท่าเทียม เพื่ออนาคตที่ปลอดภัย”