ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เทียบชั้นบริษัทระดับโลก

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เทียบชั้นบริษัทระดับโลก อาทิ SK Inc จากเกาหลี, Siemens AG จากเยอรมัน Keppel จากสิงคโปร์ และ Samsung C&T จากเกาหลี

21 กุมภาพันธ์ 2567  เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP Group ถูกประกาศให้เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนโดดเด่น โดยได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 5%” ในกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในรายงาน The Sustainability Yearbook 2024 จาก S&P Global โดยเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินการด้านความยั่งยืนอยู่ใน Top 5% สูงสุดจากจำนวนบริษัทที่เข้าร่วมการประเมินฯ ในอุตสาหกรรมเดียวกันทั้งหมด 102 บริษัท กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังได้คะแนนสูงสุดมากถึง 7 หัวข้อ ถือเป็นเอกชนไทยรายเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวร่วมกับ SK Inc ธุรกิจโทรคมนาคมจากสาธารณรัฐเกาหลี Siemens AG บริษัทเทคโนโลยีของเยอรมัน Keppel Corporation Ltd. ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนอกชายฝั่งและทางทะเลของสิงค์โปร์ และ Samsung C&T Corporation บริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกจากสาธารณรัฐเกาหลี

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า การที่เครือซีพีได้รับการคัดเลือกติดอันดับองค์กรชั้นนำใน The Sustainability Yearbook 2024 ด้วยคะแนนติด TOP 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จาก S&P Global สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซีพีในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนใน 3 เป้าหมายหลัก คือ 1. ตั้งเป้าหมายนำองค์กรสู่ Carbon Neutral ( Scope 1 และ 2) ในปี 2030 เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 2. ของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบต้องเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) และ 3. สนับสนุนผู้คน 50 ล้านคนให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ

ซีพีติดอันดับ Top 5% ได้คะแนนความยั่งยืนรวมจาก S&P Global อยู่ที่ 79% โดยได้รับคะแนนสูงสุดใน 7 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ 1.การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน 2.การบริหารจัดการนวัตกรรม 3.ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการหมุนเวียน 4.กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ 5.ความหลากหลายทางชีวภาพ 6.การบริหารจัดการความเสี่ยง และ 7.จริยธรรมทางธุรกิจ

ปัจจุบันเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ได้ดำเนินการปรับโมเดลธุรกิจมุ่งส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่่อนำองค์กรสู่ Net Zero และ Zero Waste to Landfill อาทิ ได้มีการจัดการของเสีย ด้วยการนำมูลสัตว์ไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไปแล้วกว่า 5.8 แสนตัน มีการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยเลือกใช้บรรจุุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้ 94% การผลิตไฟฟ้าจาก Solar PV ฟาร์มสุกร การติดตั้ง Solar Rooftop ที่ห้างค้าปลีกค้าส่งซึ่งในตอนนี้มีการติดตั้งไปแล้ว 4,950 แห่ง ในขณะเดียวกันมีการใช้ไบโอแก๊สทดแทนการใช้ไฟฟ้าของฟาร์มสุกร และฟาร์มไก่ไข่ไปแล้ว 55% ทำให้ลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึงกว่า 1.7 แสนตันคาร์บอน นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น ความร่วมมือกับโตโยต้าและซีเจพีที ในการผลิตไฮโดรเจนจากไบโอแก๊สที่ได้จากมูลไก่ของฟาร์มซีพีเอฟ พร้อมทั้งมีการทดลองใช้ไฮโดรเจนในรถขนส่งกลุ่มค้าปลีก และโดรนการเกษตรด้วย พร้อมทั้งสนับสนุนให้พนักงานในเครือฯ คู่ค้า เกษตรกรร่วมกันปลูกต้นไม้ ปัจจุบันปลูกไปแล้ว 8.2 ล้านต้น เทียบเท่าการดูดซับก๊าซเรือนกระจก 7.8 แสนตันคาร์บอน

นอกจากนี้เครือฯ ได้มีการวางแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 แบ่งเป็น Scope 1 และ 2 เน้นไปที่การใช้พลังงานหมุนเวียน 50%ด้วยการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล โซลาร์พีวี ก๊าซชีวภาพ รวมไปถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน 20% และลดขยะของเสียสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ทั้งในเรื่องของการผลิตปุ๋ย การส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และในส่วนของ Scope 3 เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก แต่เครือฯ ต้องทำให้สำเร็จ ด้วยการร่วมมือกับคู่ค้าในการลดคาร์บอน 25% ลดคาร์บอนจากเกษตรกรรม 30% และการลดคาร์บอนจากการขนส่ง 25% ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เช่น การใช้รถยนต์ EV ในการขนส่งสินค้า และการบริหารจัดการ Logistics เป็นต้น

สำหรับการประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียว่า บริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติของความยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจและการกำกับดูแล สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน

โดยในปี 2566 มีบริษัทเข้าร่วมการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนกว่า 9,400 บริษัททั่วโลก และมีเพียง 759 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2024 โดยมีบริษัทจากประเทศไทยเพียง 47 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งนอกจากเครือซีพียังมีบริษัทในเครือฯ ที่ได้เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global ได้แก่ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ. ซีพี ออลล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า

Written By
More from pp
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเจ้ามือคาโต๊ะบอลพร้อมหลักฐาน หลังเจ้าตัวเปิดโต๊ะชวนเล่นพนันบอล
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) ร่วมกันจับกุม นายธรงวิทย์ฯ ในข้อหา “ลักลอบเล่นการพนัน ทายฟุตบอลต่างประเทศ โดยเป็นเจ้ามือรับกินจ่าย” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณบ้าน...
Read More
0 replies on “ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เทียบชั้นบริษัทระดับโลก”