เปลว สีเงิน
เมื่อวาน (๑๓ กค.๖๖)
“กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” (ปภ.) รายงานว่า เมื่อเวลา ๑๔.๑๘ น.
เกิดแผ่นดินไหวบนบก ขนาด ๒.๖ ความลึก ๓ กิโลเมตร บริเวณตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผลกระทบจากพื้นที่
วันเดียวกัน แต่ตอนเย็น…..
ก็เกิดแผ่นดินไหวบนบก ที่สัปปายสภาสถาน เกียกกาย เบื้องต้นพบว่า
แรงสั่นสะเทือนจากการโหวตของสส.-สว.เหวี่ยง “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หงายท้องตกเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐”
“นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา แถลงสาเหตุแผ่นดินไหวจนนายพิธาหงายท้อง ดังนี้
“สมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสองสภาทั้งหมดรวม ๗๔๙ เสียง เป็น ส.ส. ๕๐๐ เสียง ส.ว.๒๔๙ เสียง (ลาออก ๑ )”
ในที่ประชุมรัฐสภา “โหวตเลือกนายกฯ”
มีผู้เสนอชื่อ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกลคนเดียวเป็นนายกฯ ปรากฎผลโหวต
-เห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ ๓๒๔ เสียง
-ไม่เห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ ๑๘๒ เสียง
-งดออกเสียง ๑๙๙ เสียง
เท่ากับว่า นายพิธาไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกฯ จากที่ประชุมรัฐสภา
เพราะได้รับเสียงเห็นชอบไม่เกินกึ่งหนึ่งของทั้ง ๒ สภา คือ ๓๗๖ เสียงขึ้นไป
เป็นอันว่าพิธา “สอบตก” อดเป็นนายกฯ!
ดูตามตัวเลข ๘ พรรคมีเป็นทุน ๓๑๒ เสียง ด้วยมรรยาท นายวันนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา “งดออกเสียง”
แต่พิธา โหวตเลือกตัวเอง จึงเท่ากับ ๘ พรรคมี ๓๑๑ เสียง และโหวตกันครบ ไม่มีแตกแถว
แล้วอีก ๑๓ เสียง ที่เพิ่มเป็น ๓๒๔ เสียง มาจากไหน?
อ๋อ “สว.” ท่านโหวตให้น่ะ
ก็มี ศ.เกียรติคุณ ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์, พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา, นายเฉลา พวงมาลัย, นายชากีย์ พิทักษ์คุมพล
พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒน์ รอดบางยาง, นายพีระศักดิ์ พอจิต, นายมณเฑียร บุญตัน, นายพิศาล มาณวพัฒน์,
นายวันชัย สอนศิริ, นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์, นายสุรเดช จิรัฐติเจริญ, นายอำพล จินดาวัฒนะ และนางประภาศรี สุฉันทบุตร
สรุป “ยกแรก” ก็ประมาณนี้
หลายท่านคงอยากรู้ แล้วพิธาว่าไง จะทำไงต่อ?
เห็นเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า “ยอมรับ” แต่ “ยังไม่ยอมแพ้”
จะใช้แผนตามยุทธศาสตร์ไปรวบรวมเสียงสว.มาสู้ใหม่อีกรอบ!
หมายความว่า มี “ไฟลท์ล้างตา” ที่รัฐสภา พุธที่ ๑๙ กค.นี้ เป็นรอบ ๒
พิธาเขาว่างั้นนะ แต่อีก ๗ พรรคร่วมว่าไง ยังไม่มีคำตอบชัดเจน
แต่ประเมินจากท่าที ดูเขารู้กันตั้งแต่ในมุ้งแล้วว่า “พิธาสอบตกแน่” ล้านเปอร์เซนต์
สังเกตได้ ๗ พรรคแค่โหวตให้ตามสัญญาเท่านั้น จากนั้นก็ไม่มีใครสนใจหรือยินดี-ยินร้ายว่าพิธาจะได้หรือจะตก
เมื่อ “พิธา-ก้าวไกล” อยากล้างตาอีกรอบ
๗ พรรค คงนึกในใจ ๑๓ กรกฎา “เผาหลอก” ก็ให้ก้าวไกลเขารอญาติอีกรอบ แล้วค่อย “เผาจริง-ตายจริง” ในวันที่ ๑๙ กรกฏา.
จากนั้น เขี่ยอัฐิห่อผ้าขาวไปโยนทิ้งปากอ่าวได้เลย!
แล้วเพื่อไทยล่ะ เดือดเนื้อ-ร้อนใจไปกับพิธาที่เป็นเทวดาตกสวรรค์บ้างมั้ย?
ผมก็ดูที่ไทยโพสต์ออนไลน์เขาไลฟ์สดอยู่นะ เห็นพิธา-น้องนุ่งตกกระไดขาถลอก เพื่อไทยเขาก็ “พุทธโธ่-พุทถัง” อยู่
แต่สส.เพื่อไทยสมัยนี้…..
ไปทำตาที่เกาหลีกันมารึยังไงก็ไม่ทราบ เพราะเห็นแต่ละคน “ตายิ้ม” กันแทบทั้งนั้น?
สรุปแรก พิธาไม่ผ่าน ถือว่าปกติ
ถ้าผ่าน คือรัฐสภาโหวตให้ “พิธา-ก้าวไกล” ที่มีนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อชาติ, ศาสน์, กษัตริย์ นี่ซิ ถึงจะแปลก
พิธาถือแต้มอะไร จึงกล้าประกาศ “ยังไม่ยอมแพ้” และคุยมียุทธศาสตร์จะไปเกลี้ยกล่อมสว.ให้มาโหวตจนถึง ๓๗๖ เสียง?
ที่เห็นๆ ทั้ง “แต้มคว่ำ-แต้มหงาย” ก็มีแต้มเดียว
คือแต้มหน้าด้าน!
ตู่ว่า ” ๑๕๑ เสียง” เป็นฉันทมติให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล พิธาต้องเป็นนายกฯ
อ้อ…มีอีกแต้ม คือแต้ม “ส้มเดี้ยง” ตัดต่อสายพันธุ์จาก “ส้มเกลี้ยง” นั่นแหละ!
ระดมกันมาทุกทิศ-ทุกทางได้กระหย่อมหนึ่งหน้าสภา เห็นร้องห่ม-ร้องไห้ โวยวายว่าไม่โหวตให้พิธา ทำให้เขาอด
ทำให้ “เห็นชัด”
นโยบายหาเสียงของก้าวไกลที่ได้ผล-ได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำคือ แจกเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท กับยกเลิกเกณฑ์ทหาร
โดยเฉพาะเดือนละ ๓,๐๐๐
หวังกันมาก รอจะได้รับจนต้องช่วยลุ้นให้พิธาเป็นนายกฯ กันมาก
ก็ต้องจับตา จะมีคนใช้จุดนี้ไปปลุกระดมคนต่อ ถ้าอยากได้ ๓,๐๐๐ ต้องออกไปม็อบช่วยพิธา
สุดท้าย เมื่อพิธา “เป่าตูดก็ไม่ฟื้น” จริงๆ ก็จะใช้วาทกรรมอีกชุดเสริม ว่ามีขบวนการ “กลั่นแกล้งพิธา”
ประชาชนต้องลุกขึ้นและออกมาร่วมกันปฎิรูปคือปฎิวัติล้มล้างให้หมดทุกระบบ!
นี่คือ “ราคาที่ต้องจ่าย” ตามที่พิธาขู่ไว้วานซืน!
ผมว่านะ….
เพื่อไทย คงปล่อยสายเบ็ดให้พิธาลากไปจนสิ้นฤทธิ์-สิ้นแรงอีกรอบ
เมื่อผ่านการ “ถูกคว่ำ” อีกครั้งในวันที่ ๑๙ กรกฏา.แล้ว
มันก็เป็นความชอบธรรมที่ “เพื่อไทย-พรรคอันดับ ๒” จะขอให้สิทธ์ “เป็นแกน” จัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้า
ทีนี้แหละ จะเป็นปัญหาระหว่าง ๒ พรรค ในการเดินเกม
ก้าวไกลนั้น “ไม่มีทางเลือก”
ส่วนเพื่อไทย “เหลือเฟือ”
ในเหลือเฟือนั้น ประเด็นมีอยู่ว่า เพื่อไทยจะเฟือฟายเอาก้าวไกลเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยมั้ย?
เพราะตรงนี้ เป็น “เงื่อนตาย” ๒ ชั้น ของเพื่อไทย เงื่อนแรก จะเป็นเงื่อนไขสำหรับพรรคที่เพื่อไทยจะเชิญมาร่วม
เงื่อนที่สอง เป็นเงื่อนที่สว.จะยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งมีผลต่อการโหวตที่ต้องได้ ๓๗๖ เสียงขึ้นไป
นี่เป็นประเด็นที่ต้องดูกันไปยาวๆ เพราะเกมนี้ ไม่เพียงเกมในรัฐสภา ยังเป็นเกมนอกสภา อันมีผลถึงคะแนนเสียง + – ด้วย
เพราะเหตุนี้ เพื่อไทย ที่เคยเป็นมวยโฉ่งฉ่าง แต่คราวนี้ จึงเป็นมวยเชิง ออกแต่ละหมัดรัดกุม-สุขุมคัมภีรภาพเป็นพิเศษ
ส่วนก้าวไกลนั้น ครั้งนี้ ดูจะผิดหวัง ๒ ต่อ
คือผิดหวังจากสว.แล้วพาโลว่า “อำนาจเก่า” ไปกดทับ จากที่รับปากจะโหวตให้ ถึงวันโหวตกลับหายหน้า ไม่มากันจำนวนมาก
ผิดหวังที่สอง คือผิดหวัง “ด้อมส้ม” อุตส่าห์เดินสายปลุกระดมล่วงหน้าให้มากดดันสว.หน้ารัฐสภากันให้มืดฟ้ามัวดิน
เอาเข้าจริง ที่มืดหน้ากลับเป็นก้าวไกล เพราะส้มที่มา มีแต่ประเภท ๓ โล ๑๐๐!
กระนั้น ก็ยังกะล่อย-กะหลิบ
นักวิชาก่อการปากแจ๋ว นึกว่าจะออกมานำหน้า กลับเอาแต่ซุกใต้กระโปรงเห่า เขย่าโซ่อยู่ตามเฟซ
ทำเอาก้าวไกล…ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย จ๋อยไปเลย!
จ๋อยซี…ทำไมจะไม่จ๋อย
เพราะคึก ๑๔ ล้านเสียง จนพากันกร่างทั่วบ้าน-ทั่วเมือง นึกว่าจะออกมาทำ “สงครามกลางเมือง” หรืออย่างน้อยๆ ก็ทำให้เป็น ๑๔ ตุลา.คืนชีพ
กลับปล่อยให้พิธา “สิ้นชีพ” ซะงั้น!?
หวังเดียวของก้าวไกลที่จะหนุนให้ได้ครองเมือง คือหวังประชาชนทำ “สงครามกลางเมือง”
เมื่อผลออกมาอย่างนี้ ในรัฐสภาก็ถูกคว่ำ นอกสภาก็มีแต่หมานำ
ทั้งเพื่อไทย “หนึ่งเดียว” ที่หมายพึ่ง ดูท่าจะเป็นผู้ใหญ่ใจเข้าถึงพรหมวิหาร ๔ ในข้อที่ว่า “ถืออุเบกขา” ซะแล้ว
เฮ้อ…
ก็ให้สงสาร “พิธา” และคณะพรรค “ก้าวไกล” ยิ่งนัก
๙ เสียง “ประชาชาติ” ได้เป็น “ประธานรัฐสภา”
ก้าวไกล ๑๕๑ เสียง พิธาได้เป็นประธานฌาปนกิจ
แถมด้วย “รองประธานสภา” มาอีกตั้ง ๑ เก้าอี้
แต่ ๑๔๑ เสียง “เพื่อไทย”
ฮิฮิ…
ไม่เห็นได้อะไรเลย!
เปลว สีเงิน
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
