“เอกนัฏ” สยบข่าวนั่งหัวหน้าพรรค ยัน รทสช.ยังไม่ปรับกก.บห. ตอนนี้ ยํ้าจุดยืนพรรค ไม่โหวตให้นายกฯชูแก้ ม.112 บอกคิดไปเอง ตั้งรบ.เสียงข้างน้อย
22 พฤษภาคม ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมประชุมพรรคว่า ผู้สมัครทั้ง 36 คน จะมาพูดคุยเพื่อถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาคิดว่าคง ยังไม่มีการกำหนดแนวทางอะไร ยังยืนยันในแนวทางของพรรค
วันนี้ก็รู้สึกขอบคุณ เพราะจากที่ตั้งพรรคมาและผ่านการเลือกตั้งครั้งแรก เราได้รับคะแนนเสียงเกือบ 5 ล้านเสียงทั่วประเทศ เราก็จะย้ำให้ทุกคนขยันและตั้งใจทำงาน ตามแนวทางที่เรากำหนดไว้ก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรค จะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานต่อไป โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังคงอยู่กับพรรคต่อไปหรือไม่
นายเอกนัฏ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กับพรรคเป็นสมาชิกและประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ส่วนเรื่องการทำงานของพรรค ก็คงจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามจังหวะเวลาอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว จะเห็นว่าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การทำงานก็คงจะเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องมีการสื่อสารที่แม่นยำ ชัดเจน และเป็นระบบมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ ทั้งผู้บริหารและ ส.ส.ของพรรค จะร่วมกันออกแบบหรือวางแผนว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังคงเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังเป็นคนเดิม ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเรา 2 คน ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เรียกว่าเสื่อผืนหมอนใบ ออกมาตั้งพรรค รทสช.ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย และทํามาได้จนถึงขนาดนี้ ก็ต้องถือว่าทุกที่นั่ง ทุกคะแนนเสียง
สำหรับพรรคที่เกิดใหม่เริ่มจากศูนย์ถือว่าเป็นความสำเร็จของพรรค และการเลือกตั้งครั้งแรก คะแนนเสียง 4 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นเสียง ก็ต้องคิดว่าคะแนนเหล่านี้เป็นต้นทุนที่เราจะต้องนำไปพัฒนาต่อยอด จุดยืนแนวทางการทํางานไม่เปลี่ยน อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม และคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในเร็ววันนี้ เพราะเพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งมาไม่นาน หัวหน้าพรรคกับตนยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า ตามข้อบังคับของพรรค มีข้อกำหนดวาระของกรรมการบริหารพรรคไว้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้ แต่กรรมการบริหารชุดนี้เพิ่งเข้ามาทํางานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 มีเวลาทำงาน 7-8 เดือนก่อนเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จะถอยเพื่อให้พรรค รทสช.ได้ร่วมรัฐบาล มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในพรรคไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้เลย เราเป็นพรรค 36 ที่นั่ง ต้องการช่วงชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ภารกิจของพรรค รทสช. เพราะถ้าได้ 316 เสียงก็ไม่แน่ ซึ่งก็ต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช่ภารกิจของเรา
นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรายึดมั่นในจุดยืนของเราแต่แรก ไม่ว่าในกรณีไหน หากรัฐบาลมีวาระที่จะแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 เราไม่เอาด้วย และเราก็จะไม่ยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีที่มีเจตนาเข้าไปแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 นี่คือจุดยืนสำคัญของเรา
ซึ่งภารกิจสำคัญของเราคือถอดบทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เอาคะแนน 4 ล้านกว่าเสียงเป็นต้นทุนเพื่อทำงานต่อ ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้น เสียงสะท้อนที่มีมาเราจะนําไปปรับปรุง ส่วนการปรับเปลี่ยนผู้บริหารพรรคไม่จำเป็น วันนี้ตนทำหน้าที่เลขาธิการพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า อย่าไปหวังอย่างนั้น คิดกันไปเอง เป็นไปไม่ได้หรอก ณ วันนี้ ตนไม่อยากพูดมากเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะพูด การจัดตั้งรัฐบาลต้องไปฟังอีกฝั่งหนึ่ง แต่เรื่องการดำเนินการของพรรค ต่อไปก็จะทำให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า หากอีกฝั่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พร้อมจะเป็นไม้สองหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่เห็นอนาคตจะมีไม้สองด้วยซ้ำ พูดมากไปเดี๋ยวหาว่าเรากีดกันขัดขวาง ปล่อยให้เป็นเรื่องของฝั่งเขาดีกว่า หน้าที่ของเราคือต้องทำให้ดีกว่าเดิม
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลในอนาคต และมีการเทียบเชิญมา จะปิดประตูหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มีเชิญแน่นอน อย่างที่ตนบอก อย่าไปพูดถึงตรงนั้น เดี๋ยวจะไปหลุดว่าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะไปรวมกับตรงนั้นตรงนี้