เปลว สีเงิน
ชื่อเสียง “ประเทศไทย” ตอนนี้
“ปังไม่สุด-หยุดไม่อยู่” จริงๆ
“ปัง” จนโลกอิจฉา!
อะไรมันจะ The Best ไปทุกผลสำรวจซะขนาดนั้น ทะเลก็งาม หาดทรายก็เลิศ วัดวาอารามก็ประหนึ่งชะลอจากฟ้าสู่ดิน
คนไทยก็น่ารัก มากน้ำจิต-น้ำใจและไมตรี อาหารก็เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ ศิลปวัฒนธรรมประเพณี ก็สุดแสนจะคลาสสิก
ไปไหน-มาไหนก็ปลอดภัย
คนไทยเอาใจใส่ดูแลและซื่อสัตย์ ที่พักอาศัย ข้าวของสินค้าก็ราคายุติธรรม
ผมเอง “คนไทย” แท้ๆ ฟังต่างชาติรุมชม ยังต้องอิจฉาคนไทย-ประเทศไทย!
“เขียว-เหลือง-แดง-ส้ม” อะไรนั่นน่ะ คนไทยแยกเล่นกีฬาสีกันเองสนุกๆ ยามว่าง แต่พอถึงเวลาต้องทำหน้าที่เจ้าบ้าน ต้อนรับแขกบ้าน-แขกเมือง
สีต่างๆ พวกนั้น ไม่มีหรอกครับ
ทุกหัวใจคนไทย มี “สีแดง-สีขาว-สีน้ำเงิน” ของธงไตรรงค์ผืนเดียวกัน เหมือนกัน (แทบ) ทุกคน!
อย่างเทศกาลสงกรานต์ “ปีใหม่ไทย” ปีนี้
เอ้อเฮอ…พ่อเจ้าประคุณ
ต้องบอกว่า “แขกบ้าน-แขกเมือง” มาเที่ยวเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันกระจายไปทั่วทุกมุมประเทศ ไม่ว่า เหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน-กทม.
ใช้คำว่า “ตลาดแตก” เล็กไป
ต้องใช้คำว่า “ประเทศแตก” ขนาดนั้นเลย!
ประเทศไทยเรามาถึงวันนี้ได้ เราต้องขอบคุณ “รัฐบาลประยุทธ์”
ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ ของลุงป้อม, พรรคภูมิใจไทย ของคุณอนุทิน, พรรคประชาธิปัตย์ ของคุณจุรินทร์, พรรคชาติไทยพัฒนา ของคุณวราวุธ, พรรครวมพลัง ของคุณเอนก
เพราะทุกพรรค-ทุกท่าน ในความเป็นรัฐบาลใต้ธงนำนายกฯ ประยุทธ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้
ร่วมกันบริหาร “ฝ่าด่านวิกฤต” โดยเฉพาะจากโควิด ตัดสินใจด้วย “ความรับผิดชอบร่วมกัน” เปิดประเทศรับการท่องเที่ยวเมือกลางปี ๖๕ นั่นแหละ
ผลของการ “ตัดสินใจร่วมกัน” นั้น ถึงวันนี้ ผลิดอกออกผล น่าชื่นใจ ประเทศไทยเจิดจ้า พี่น้องประชาชน “รอดเจ็บ-รอดจน-รอดตาย” แล้ว
ประเทศไทย ณ นาว เป็นศูนย์รวมพลโลก ที่ทะลักทลายเดินทางเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ น้ำสาดกระจายตรงไหน เงินทองก็ไหลหมุนตามไป
หมุนเข้ากระเป๋าชาวบ้าน กระเป๋าพ่อค้า-แม่ขาย ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ เป็นพลังฉุดการผลิตในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งระบบให้เดิน
แล้วการ “จ้างงาน” ก็จะตามมา คนไทย ไม่มีตกงาน เพียงแต่คุณจะทำหรือไม่ทำ หรือเลือกงานมากไปเท่านั้น!
ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อจากรัฐบาลประยุทธ์ ถือว่ามีบุญ เพราะทุกอย่าง “รัฐบาลประยุทธ์” ทำไว้ให้หมดแล้ว แค่เกาะงานแล้วสานต่อ ก็สบาย
เศรษฐกิจประเทศตอนนี้ ไม่ต้องออกเหรียญดิจิทัล เอาเงินที่ลุงตู่สะสมไว้ให้ตั้ง ๕-๖ แลนล้านมาแจก อ้างว่ากระตุ้นเศรษฐกิจหรอก
เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจ ทะยอยติดเกือบครบทุกเครื่องแล้ว!
วัฒนธรรมประเพณี “สงกรานต์ไทย” พวกเรารู้กันไว้ด้วย
ขณะนี้ “สงกรานต์ไทย”
เป็นสัญลักษณ์ “วัฒนธรรมประเพณี” สากลโลกไปแล้ว!
อย่างปีนี้ ที่สหรัฐฯ ที่จีน ที่ญี่ปุ่น ที่ฮ่องกง ที่เวียดนาม ที่สิงคโปร์ และฯลฯ
จักงานเฉลิมฉลอง “สงกรานต์” ตามไทย กันถ้วนทั่ว
คนไทย เป็นเมล็ดพันธุ์แข็ง อยู่ที่ไหน ก็งอกหยั่งรากขยายพันธุ์งดงาม
ที่ “นิวยอร์ค” เช่นกัน “ย่านลิตเติ้ล ไทยแลนด์” ทุกเทศกาล คนไทยจะจัดงานแสดงออกซึ่งวัฒนธรรมไทย “เอกลักษณ์แข็ง” ให้ประจักษ์
อย่างปีนี้……..
“คุณธานี แสงรัตน์” เสร็จจาก APEC ปีที่แล้วในไทย ท่านก็เดินทางไปรับตำแหน่ง “เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันดีซี”
ด้วยโดดเด่นอารยะวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของไทย และด้วยการประสานงานท่านทูต บวกกับความร่วมมือของ สส.รัฐนิวยอร์ค “Steven Raga”
เมื่อ ๑๒ เมษา.รัฐนิวยอร์ค ประกาศ ว่า……
“ณ ที่ประชุมออลบานี อันเป็นเมืองหลวงของรัฐนิวยอร์ค ได้ให้มีมติเป็นที่ร่วมกันเรียบร้อย เพื่อเฉลิมฉลองวันปีใหม่ไทย และให้ถือ “เทศกาลสงกรานต์”
เป็น “เทศกาลประเพณีที่งดงาม” ในประเทศ “สหรัฐอเมริกา” ด้วย
พวกเราคนไทยทุกคน ช่วยกันยินดีนะ
ความสำเร็จนี้ ส่วนหนึ่งก็จากพวกเราทุกคน จากรุ่น-สู่รุ่น ที่ช่วยกันรักษาขนบธรรมประเพณีสงกรานต์ เล่นสงกรานต์กันอย่างมีอารยะ
เชื่อแน่ว่าต่อไป “สงกรานต์ไทย” จะได้รับการยอมรับให้เป็น “ประเพณีชาวโลก”
สมกับ “สงกรานต์ไทย” ที่ยูเนสโก กำลังจะขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” ทางวัฒนธรรม ในปลายปีนี้!
เห็นมั้ย ที่ว่า ๘ ปี ประเทศมีแต่ถอยหลัง-ล้าหลัง แล้วผลเป็นไง?
ผลคือ……
Oxford Dictionaries บรรจุชื่อ pad thai (ผัดไทย) ให้เป็น “คำศัพท์สากล” ที่ทั่วโลกรู้จัก
Muay Thai เป็นกีฬาเพียบพร้อมด้วยศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัว ฮิตทั้งโลก
จน Muay Thai เข้าไปอยู่ใน “พจนานุกรม” อังกฤษ-ไทยขณะนี้
และต่อจากนี้ เราคงได้เห็นคำศัพท์ “Songkran Thai” เป็นศัพท์สากลอยู่ในดิกชันนารีแน่
Pad Thai
Muay Thai
Songkran Thai
นอกจาก รัฐบาลลุงตู่ ผลักดัน Soft Power ของไทยสู่สากลแล้ว ต้องให้เครดิตคนไทยในต่างแดนที่กระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆ ของโลกด้วย
เพราะคนไทย “เลือดไทย” อยู่ที่ไหน ธงไทยไม่เคยลดต่ำ วัฒนธรรมไทยไม่มีใครละเลย
ไทยเป็นชาติ “รากอารยะ” แต่ถ่อมตน
ดังนั้น คนไทยอยู่ที่ไหน จะใช้แค่คำว่า Little Thailand เท่านั้น ไม่กร่าง ด้วยให้เกียรติกับคน “บ้านเขา-เมืองเขา”
คนไทยจึงเป็นอันที่รัก อยู่บ้านไหน-เมืองไหน คนที่นั่นก็รัก ยิ่งเขาเห็น เขาสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีไทย ก็ยิ่งตื่นตา-ประทับใจ
ยิ่งคนไทย เป็นคนจิตเมตตา ชอบให้ ชอบช่วยเหลือ ยิ้มแย้มแจ่มใส สนุกสนาน เป็นทุนอยู่แล้ว
ไทยประเทศเล็กๆ ในอุษาคเนย์ จึงเป็นจุด “ปักหมุด” ของชาวโลกในศตวรรษนี้
และจะเป็นศูนย์กลาง “ศานติสุข” ของมวลมนุษยชาติในศตวรรษหน้าที่กำลังมาถึง ซึ่งเป็นได้สูง
เพราะไทยใฝ่สันติ เมตตา-แบ่งปัน ไม่รุกรานใคร แต่ไทยไม่ยอมให้ใครรุกราน ไทยชอบช่วยเหลือ แต่ไทยไม่เอาเปรียบใครในการคบหา
โลกที่ยุค “โลกาวินาศ” กำลังมาถึง และตะวันตกจะเป็นศูนย์กลางวินาศ
“ไทย” นี่แหละ คือดินแดน “พระศรีอาริย์” ให้ชาวโลก “หนีร้อน” เข้ามา “พึ่งเย็น”!
“ประชาธิปไตย” คือต้นเหตุแห่ง “โลกาวินาศ”
แล้วไทยเราก็ประชาธิปไตย จะไม่โลกาวินาศไปด้วยหรือ?
วินาศแน่ ถ้าเรานำประชาธิปไตยมาใช้ทั้งดุ้น โดยไม่รู้จักประยุกต์ให้เข้ากับรากฐานชาติและลักษณะสังคมชาติ
ไทยจะเป็นศูนย์กลาง “ศานติสุข” โลกได้
ต้องประยุกต์ประชาธิปไตยตะวันตกให้อยู่ในแกน “ชาติ-ศาสน์-พระมหากษัตริย์” ให้เป็นประชาธิปไตยเอกลักษณ์ไทย
“เอกลักษณ์” คือตัว “ทำให้รอด” และ “ทำให้เด่น”
อย่างผัดไทย มวยไทย สงกรานต์ อาหารไทย ไหว้อย่างไทย มันชูความเป็นไทยโดดๆ นั่นแหละ จึงเด่น จึงได้รับการยอมรับ
ประชาธิปไตยที่จะทำให้ไทยเรารอดก็เช่นกัน มันต้องเป็นประชาธิปไตย ชูเอกลักษณ์ไทยให้เด่น จึงจะรอด
แล้วแบบไหนล่ะจึงเด่น?
ก็แบบนี้ไง…….
“ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
จะแก้-จะร่างกันใหม่ ต้องร่างกันให้อยู่ในกรอบนี้
ไทยรอด-ไทยรุ่งแน่
ผิดจากกรอบนี้ “ประชาธิปไตยอัปรีย์” ทั้งนั้น!
เปลว สีเงิน
๑๕ เมษายน ๒๕๖๖
ภาพจากเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://tatnewsthai.org/news_detail.php?newsID=5388
