24 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายนาเกช ซิงห์ (Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ เพื่อแนะนำตัว และหารือถึงเรื่องต่าง ๆ
นายศุภชัย เปิดเผยถึงการเข้าพบของนายนาเกช ซิงห์ ครั้งนี้ว่า ท่านเอกอัครราชทูตอินเดีย เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ประจำประเทศไทย จึงได้เข้ามาพบหัวหน้าพรรคในฐานะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สำหรับประเด็นที่มีการพูดคุย หารือแลกเปลี่ยน คือเรื่องสาธารณสุข รวมถึง MOU ด้านการสาธารณสุขระหว่างไทยและอินเดีย เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียประสงค์ที่จะเดินทางมา
ปัจจุบันพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางมาจัดงานมงคลสมรส ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะการจัดงานจะปิดโรงแรม และใช้ระยะเวลา 3-4 วัน ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย คิดว่าการท่องเที่ยวจะมีจำนวนมากยิ่งขึ้น
สำหรับอีกประเด็นสำคัญ คือ เรื่องการเลือกตั้งครั้งต่อไป และทิศทางของพรรคภูมิใจไทย โดยนายนาเกช ได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งในอินเดียว่า ประเทศอินเดียสามารถบริหารจัดการการเลือกตั้งได้ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีคณะกรรมการเพียง 3 คน มีประชากร 1,400 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 900 ล้านคน แต่สามารถที่จะบริหารจัดการ รู้ผลภายในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งประชาชนชาวอินเดียมีความกระตือรือร้นในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่างไรก็ดีประเทศไทยน่าจะเรียนรู้จากประเทศอินเดีย
นอกจากนี้ นายนาเกช ซิงห์ ได้นำใบโพธิ์สีทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา รวมทั้งหนังสือศิลปะหน้าปกเป็นทัชมาฮาล มามอบให้กับนายอนุทิน เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้ว
นายศุภชัย กล่าวถึงการที่เอกอัครราชทูต จากประเทศต่างๆ เข้าพบนายอนุทิน ที่พรรค ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศอินเดีย เข้าพบหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แสดงให้เห็นถึงนายอนุทิน มีความเป็นสากล เป็นที่ยอมรับและให้ความสนใจจากนานาอารยประเทศ และมีอีกหลายประเทศ ที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิด ซึ่งมีท่านเอกอัครราชทูตอีกหลายประเทศแสดงความจำนงที่จะขอเข้าพบในโอกาสต่อไปด้วย