เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย
ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อรัฐบาลในเรื่องวิกฤติทางเศรษฐกิจและวิกฤติทางการเมือง
โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้มีความน่าเป็นห่วงในทุกด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางด้านการเมืองที่มีความน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยหดตัวอย่างรุนแรง เป็นผลให้เศรษฐกิจไทยที่แย่มาก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นในทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคภายใน และการลงทุนที่เกิดการหดตัวอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะทางการคลังของรัฐบาลยังมีความเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นการก่อหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการที่รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินจำนวนมากเพื่อนำมาใช้ในการเยียวยาและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโควิด-19 เป็นผลให้หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปี 2564 คาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 58 หรือสูงเกินกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามประมาณการ ในขณะที่รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ได้เกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นมาแทรกซ้อน อันเป็นผลมาจากความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลในการเข้าสู่อำนาจ ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการชุมนุม
“การใช้อำนาจของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มิได้อยู่บนหลักนิติธรรม และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ประชาชนเห็นว่าถูกออกแบบมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ จึงเกิดการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการข่มขู่คุกคามประชาชน จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน และยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน
อันเป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองที่อยู่ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลกลับฉวยโอกาสใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่คุกคามและจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมากอยู่แล้วต้องตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยากยิ่งอยู่แล้วต้องทวีความยากขึ้นตามลำดับ”